Home

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พลาด JinSon [1]





พลาด Jinson



“อื้อ...” รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด
“อ๊ะ...อ๊า” แต่ก็ยังทำและไม่คิดที่จะหยุดมัน
“อือ..ฮึก...บอส...บะ..เบา” เรื่องนี้ไม่มีใครรู้
มีแค่เรา...


“ไม่ค้างหรอครับ” หมดประโยชน์แล้วสินะ
“ไม่ล่ะพรุ่งนี้มีนัดกับโซยองตอนเช้าน่ะ” นั่นสินะยังไงๆคู่หมั้นก็ต้องสำคัญกว่าคู่นอนอยู่แล้ว
“ไม่เอาหน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” บอสเดินมาหาก่อนจะสวมกอดผมโยกไปมาราวกับปลอบเด็กน้อย เขาจูบผมทีนึงแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไป ทิ้งไว้แค่ผม

ผมกับบอสเราคบกันครับจะเรียกว่าคบก็ไม่ถูก เพราะเราต้องหลบๆซ่อนๆเหมือนพวกลักกินขโมยกินเปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ เราทำงานบริษัทเดียวกันต่อหน้าต้องทำเหมือนไม่มีอะไร ต้องไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ เราทั้งสองทำแบบนี้ตลอดมามันก็จะครบ4เดือนแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน


..........................
“คุณแจ็คสันคะ ช่วยมาดูตรงนี้หน่อยสิคะ” เสียงเรียกทำให้ผมที่กำลังพิมพ์งานอยู่เงยขึ้นมามองหญิงสาวตรงหน้าที่กวักมือเรียกผมให้ไปหาเธอที่โต๊ะ
“ไหนครับ” ผมเดินไปหาเธอที่โต๊ะทำงานของเธอก่อนจะมองตามนิ้วมือเธอที่ชี้ลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ ผมโน้มตัวลงไปจับเม้าส์ก่อนจะคลิกเม้าส์ลงบนคอมพิวเตอร์ของเธอสองสามทีแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว ผมแอบเห็นเธอปลดกระดุมลงมาจนเห็นเนินอก และผมก็เป็นผู้ชายด้วยมีความรู้สึก
“ขอบคุณค่ะ คุณแจ็คสันนี่เก่งจริงๆเลยนะคะ” เธอชมผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ผมได้แต่ยิ้มเขินที่ถูกชมอย่างนั้น ก็คนมันเขินนี่ ผมเดินกลับมานั่งที่ของตัวเองละเลงนิ้วลงบนคีย์บอร์ดพิมพ์งานต่อให้เสร็จ
..............
“คุณแจ็คสันคะ เลิกงานแล้วค่ะ” ผมสะดุ้งทันทีที่จู่ๆก็มีเสียงเรียกผมขึ้นมาข้างๆหูจนต้องหันหน้าไปมองทางต้นเสียง เสียงหัวเราะคิกคักที่หัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งผมสำเร็จ ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงเย็นเป็นเวลาเลิกงาน นี่ผมทำงานเพลินขนาดนี้เลยรึไง
“บอสเรียกน่ะค่ะ” เธอบอกกับผมแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปทันที ว่าแต่บอสเรียกผมทำไมกันนะ ผมเดินไปห้องของบอสทันทีหลังจากที่มีคำสั่งเรียกผมไปพบ บอสคงมีงานด่วนเข้ามาถึงเรียกผมไปพบแบบนี้ หรืออาจจะไม่ก็ได้
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องของบอสผมก็ตัวปลิวไปตามแรงกระชากของคนในห้องนี้ที่กระชากผมเข้าไปกอดก่อนจะจูบหอมผมไปทั่วทั้งหน้า
“อื้อ..ไม่เอานะบอส” ผมประท้วงบิดหนีบอสนิดหน่อยไม่เยอะมากเพราะรู้ว่าหนียังไงก็คงไม่พ้นคนคนนี้
“คืนนี้รอที่ห้องนะ” ผมไม่ตอบได้แต่นิ่งเงียบมองหน้าบอสแบบนั้น ผมกับบอสมักจะนัดกันที่คอนโดบอส เขามีคอนโดไว้นอนนั่นแหละครับแต่เวลามีนัดสำคัญกับครอบครัวหรือคู่หมั้นเขามักจะไปนอนที่บ้านเสมอๆ และดูเหมือนช่วงนี้นอนที่บ้านบ่อยซะด้วย วันนี้คงเป็นโอกาสดีสินะ ถึงได้ชวนผมแบบนี้ และถ้าผมปฏิเสธจะเป็นอะไรมั้ยนะ
“คืนนี้แม่มานอนด้วย คงไปรอบอสที่ห้องไม่ได้หรอกครับ” แม่อะไรไม่มีหรอกครับ โกหกทั้งนั้น
“หรอ งั้นก็ทำมันที่นี่แหละ” บอสพูดแบบนั้นก่อนจะโน้มหน้ามาจูบผมและดันผมให้นอนราบไปกับพื้นโต๊ะทำงานของบอส
“อือ...บอสอย่า” ผมขืนตัวนั่งดันไหล่บอสเอาไว้ ทำให้บอสหยุดชะงักและชักสีหน้าไม่พอใจ
“ทำไม” เขาพูดมาแค่คำเดียวตาก็จ้องหน้าผมไม่ขยับไปไหน
“วันนี้ขอพักซักวันได้มั้ย รอยเก่ายังไม่หายเลยจะสร้างรอยใหม่แล้วหรอ...ผมไม่อยากให้แม่เห็นด้วย” ข้ออ้างทั้งนั้นแหละครับ
“แต่วันนี้นายให้ท่าพนักงานหญิงสองคน อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ” เขาจ้องหน้าผมพร้อมกับทำสายตาดุแบบไม่จริงจังนัก
“ผมเนี่ยนะ ตอนไหน?” บอสพูดเรื่องอะไรของเขานะ
“ก็ตอนบ่ายกับเมื่อกี้นี้ไง สารภาพมาซะดีๆ” นี่จะหาเรื่องแกล้งผมให้ได้ใช่มั้ยนะ
“ก็...นิดหน่อย” แกล้งมาแกล้งกลับไม่โกง
“แจ็คสัน!” ทันทีที่ผมตอบแบบนี้เขาก็ตะโกนออกมาทันทีเลย ยั่วง่ายจริงๆคนคนนี้
“หะหะ” ผมหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของบอสที่ทำหน้างอง้ำเหมือนแมวถูกขัดใจ ก็เพราะน่ารักแบบนี้สินะ ถึงได้มีสาวๆมาค่อยขายขนมจีบอยู่เรื่อยเลย
“วันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ ขอนิดนึงไม่ได้หรอ” ลูกอ้อนที่มักจะใช้เวลาอยากได้อะไรบางอย่างจากผมถูกงัดมาใช้เพื่อให้ผมใจอ่อน มีแค่ผมที่มักจะได้เห็นมันบ่อยๆเวลาอยู่กับเขารึเปล่านะ
“ยังไงก็ไม่ครับ” ผมปฏิเสธเขายิ้มๆพลางเอื้อมมือไปโอบรอบคอเขาแล้วโยกไปมาเหมือนเด็กๆ เราทั้งสองยังคงกอดกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครคิดที่จะปล่อยมันเลยจนกระทั่งเสียงเสียงโทรศัพท์ของบอสดังขึ้นบอสถึงได้ผละออกจากไปแล้วรับโทรศัพท์
“อ่า ครับ....เดี๋ยวผมไปรับคุณเอง...ครับ”
“เอ่อ ผมมีนัดด่วนผมไปก่อนนะครับ จุ๊บ” ทันทีที่บอสวางสายบอสก็รีบบอกลาผมพร้อมกับทิ้งสัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปากก่อนจะออกไปเลยทันที คงจะเป็นคุณโซยองสินะที่โทรมาน่ะ ถ้าเขาสำคัญขนาดนั้นแล้วจะมีผมอีกทำไม คุณต้องการอะไรกันแน่


ปาร์ค จินยอง!


..............................

กริ๊ง
“ยินดีต้อนรับครับ อ๊ะ แจ๊คสัน” ผมยิ้มให้กับเจ้าของร้านเค้กนิดหน่อย คงตกใจมากสินะที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้
“มีไรแนะนำมั้งอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าผมเดินเข้าไปดูเค้กหน้าตู้ น่ากินทั้งนั้นเลยเหอะ เลือกไม่ถูก
“ลมอะไรหอบนายมาที่นี่” ร่างเล็กตรงหน้าผมเดินมาอยู่ข้างๆผมตาก็มองเค้กในตู้ไปด้วยปากก็ขยับถามผมไปด้วย
“คิดถึงไม่ได้รึไง” ผมยิ้มแล้วชี้นิ้วไปยังเค้กที่เลือกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะประจำของผมไม่ว่ามากี่ครั้งผมก็จะนั่งมันแค่โต๊ะนี้ แล้วดูเหมือนเป็นตัวประจำตัวผมไปเสียแล้ว
“ไปบอกพี่มาร์คดูสิ” ร่างเล็กเจ้าของร้านนำเค้กมาเสิร์ฟพร้อมกับนำตัวเองมานั่งข้างผม เพื่อนผมคนนี้เขาน่ารักมากครับ เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากน่ารัก ตัวเล็ก ผิวน้ำผึ้งเนียน แก้มป่อง ปากชมพูห้อยๆน่าจูบนั่นอีก ถ้าตอนนั้นไม่มีพี่มาร์คก็คงดีผมคงได้เป็นแฟนกับแบมแบมไปแล้ว คิดถึงเรื่องสมัยอดีตก็พาลทำให้ยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันถึงพี่มาร์คมันจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็เหอะ
“อยากให้ฉันถูกฆ่าตายรึไง” ผมกับแบมแบมหยอกล้อกันสนุกสนานอยู่กับแบมทีไรสบายใจทุกที
กริ๊ง
“ลูกค้ามาขอตัวก่อนนะเดี๋ยวมาต่อ” เสียงกริ๊งเรียกความสนใจให้แบมแบมที่เป็นเจ้าของร้านรีบวิ่งไปที่หน้าเคาเตอร์ร้าน
“ยินดีต้อนรับครับ รับอะไรดีครับ”
“เค้กสตอเบอรี่ค่ะ”
“คุณนี่ชอบสตอเบอรี่จริงๆนะ” น้ำเสียงแบบนี้ มันช่างคล้ายกับใครบางคนที่ผมคุ้นเคย แต่มันคงไม่ใช่หรอก คนเสียงแบบนี้มีเยอะแยะไป ปกติบอสไม่ค่อยมาร้านเค้กแบบนี้หรอกนะ ถึงผมจะบอกกับตัวเองว่าไม่ใช่แต่สมองมันก็สั่งให้ผมหันไปมอง
“ก็มันอร่อยจริงๆนี่คะ คุณไม่ชอบหรอ” ผมค่อยๆหันไปมองทีละนิดแล้วก็เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกำลังทำหน้าน่ารักให้กับใครบางคน คงจะเป็นผู้ชายที่มาด้วยกับเธอ ผมเห็นเขาไม่ค่อยชัดนักหรอกเพราะตรงที่ผมนั่งมันเป็นมุมอับแล้วไหนจะของตกแต่งที่บังโต๊ะอีกถ้าอยากรู้จริงๆต้องยื่นหน้าออกมานิดหน่อย และเพราะความอยากรู้มันทำให้ผมยื่นหน้าไปมองที่เคาเตอร์
“ชอบคุณมากกว่า” หลังจากที่สิ้นเสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้ผมชะงักไปในทันที เราสบตากันครู่นึงก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะก้มลงไปมองหญิงสาวตรงหน้าของเขา ผู้ชายคนที่ผมรู้จักเป็นอย่าง ดีผู้ชายที่ผมเจอเขาทุกวันเวลาไปทำงาน ผู้ชายที่มักจะมากอดและจูบผมอย่างอ่อนโยนเสมอเวลาที่อยู่กันสองต่อสอง ปาร์ค จินยอง

.......................


ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
เสียงเตือนข้อความไลน์ดังขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง หลังจากที่ผมออกจากร้านเค้กของแบมแบมไป ผมก็ไปเดินเที่ยวเล่นตามประสาคนว่างและแวะไปที่เรือนกระจกหลังนึงมันเป็นที่ที่ผมมักจะมาเวลารู้สึกไม่สบายใจที่นี่ไม่สัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีwifi เหมาะกับคนที่อยากอยู่คนเดียวมากๆเลยล่ะครับ ว่าแต่ใครไลน์มากันนะ ผมเปิดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมา 4 ข้อความรวด


Jr.JJ
แจ็คสัน อยู่ไหน 21.20 อ่านแล้ว
ตอบด้วย 21.20 อ่านแล้ว
มาหาผมที่ห้อง 21.21 อ่านแล้ว
เดี๋ยวนี้! 21.21 อ่านแล้ว
นึกว่าใครซะอีกที่แท้ก็บอสนั่นเอง จู่ๆทำไมถึงเรียกไปหาที่ห้องกันนะ สงสัยได้ไม่นานผมที่พึ่งกลับมาถึงห้องก็ต้องออกจากห้องตัวเองไปอีกครั้งเพื่อไปหาเขาคนนั้น
..................
“ไปไหนมา” ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าผมก็เจอบอสที่ยืนรอผมหน้าประตูอยู่ก่อนแล้วพร้อมกับยิงคำถามผมทันทีที่ผมเปิดประตู
“ไปเที่ยวครับ”
“ที่ไหน”
“สวนสาธารณะใกล้คอนโด”
“กับใคร”
“คนเดียว” นี่บอสต้องการอะไร สอบสวนผมเหมือนผมไปทำอะไรผิดไว้อย่างนั้นแหละ ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ตอบทุกคำถาม เออนะ
“เรื่องเมื่อตอนเช้าที่ร้านเค้กน่ะ” จู่ๆบอสก็พูดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าขึ้นมาทั้งที่ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงมันอยู่แล้วเชียวบอสจะจุดชนวนมันขึ้นมาอีกทำไมกันนะ
“นายไม่โกรธฉันใช่มั้ย”
“โกรธอะไรหรอครับ” บอสต้องการจะพูดอะไรกันแน่นะ
“ที่ฉันพูดว่า..ชะ..ชอบโซยองน่ะ” นึกว่าเรื่องอะไรซะอีกที่แท้ก็เรื่องแค่นี้นี่เองหรอ
“ไม่หรอกครับ” ผมไม่โกรธบอส ผมแค่หึง แค่หวง บอสเท่านั้น ผมมีสิทธิ์ที่จะแสดงอาการแบบนั้นออกมาได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย
“ผมไม่มีสิทธิ์” ทันทีที่ผมพูดจบบอสก็รวบตัวผมเข้าไปกอดทันทีก่อนจะเกยคางของบอสไว้ที่ไหล่ผม
“ใครบอก นายเป็นคนรักฉันนะ ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ล่ะ” บอสกอดผมโยกไปโยกมาก่อนจะดึงให้ผมเดินตามบอสเข้ามาในห้องรับแขกแล้วดึงผมให้นั่งลงตรงกลางระหว่างขาของเขา
“คนรักแบบไหนหรอครับ แบบหลบๆซ่อนๆเปิดเผยใครไม่ได้ ต้องแอบโน้นนี่นั่นเหมือนทำผิดอะไรไว้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับ ชู้ นักหรอกครับ” อ้อมกอดจากด้านหลังที่ผละออกไปทำให้ผมรู้ว่าเขานั้นคงจะโกรธเหมือนกันที่จู่ๆผมก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
“เราคุยเรื่องนี้จบกันไปแล้วนะ แจ็คสัน” บอสจับไหล่ผมพลิกตัวผมให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขา
“นายคือคนสำคัญของฉันนะ ส่วนเรื่องหมั้นก็แค่หน้าที่ที่ผมต้องทำให้พ่อแม่เท่านั้น ที่ผมต้องดูแลเพราะรักษาหน้าพ่อแม่ของผมเท่านั้นเอง ผมไม่ได้รักเธอ และอีกไม่นานผมก็จะถอนหมั้น” เขาบอกกับผมด้วยสายตาที่แน่วแน่จริงจังไม่มีแววสั่นไหวลังเลในคำพูดเลย มันทำให้ผมเชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด แค่เขาบอกว่าไม่ได้รักเธอผมก็ดีใจมากแล้วล่ะ
“อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ ฉันไม่ชอบเลย” เสียงที่เหมือนจะเง้างอนของบอสมันทำให้ผมยิ้มออกมาได้อีกครั้งใบหน้าของเขาที่งอง้ำและเหมือนแมวนั่นมันน่ารักสุด มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากพร้อมกับหอมแก้มเขาไปสองที
“นี่ยั่วกันรึไงน่ะ”
“คิดว่าไงล่ะ” ไม่ว่าเปล่าผมลุกขึ้นพาตัวเองไปนั่งทับตักหันหน้าเข้าหาบอสก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาไว้
“คิดว่า...โซฟาก็ดีนะ”
“อ๊ะ...บอส” ทันทีที่บอสพูดจบเขาก็เหวี่ยงผมลงมานอนที่โซฟาแบบไม่ทันตั้งตัวจนทำให้ผมต้องหลุดเสียงออกมาก
“นยองสิครับ กากา” ชื่อนี้เราทั้งมักจะเรียกกันเวลาอยู่บนเตียงเท่านั้นแต่เวลาที่บอสพูดทีไรมันก็ทำให้หน้าร้อนขึ้นมาเสียทุกครั้งที่ได้ยินมันไม่เว้นแม้กรทั้งตอนนี้
“นะ....นยอง” ผมได้แต่พูดเสียงแผ่วไม่กล้าที่จะสบตากับบอสได้แต่เสตามองไปทางอื่น แต่ก็ยังแอบเหลือบมองหน้าของบอสมันทำให้ผมต้องหลุบตามองไปทางอื่น ไม่รู้สิ ผมสู้สายตาตอนนี้ของเขาไม่ได้ ครู่หนึ่งที่เราสบตากันเมื่อกี้สายตาที่เหมือนจะพยายามสื่อออกมาว่าเขาต้องการผม และมันดูมากมายจนผมรับไม่ไหวจนต้องหลบตาเขา
“ดีมากครับเด็กดี” จูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากช่างนุ่มนวลและอ่อนโยนมันทำให้ผมเคลิ้มไปกับรสจูบที่แสนหอมหวานนี้ ไม่ว่าจะเคยจูบมาแล้วกี่ครั้งกับคนคนนี้ มันไม่เคยพอซักครั้งเดียว ปากที่ผละออกมาไล่จูบลงไปตามซอกคอของผมอย่างสนุกสนานก่อนที่เจ้าของริมฝีปากนั้นจะดูดเม้มมันอย่างแรง มันทำให้เจ็บนิดๆและตอนนี้มันคงเป็นรอยแดงๆแน่ๆเลย
“อ๊า...” มือที่ตอนนี้กำลังบีบเค้นตุ่มไตแถวๆหน้าอกของผมมันทำให้ผมเสียวจนต้องเปล่งเสียงน่าอายนั้นออกมาไหนจะลิ้นร้อนที่ไล้เลียดูดดุนอกอีกข้างนึงของผมก่อนที่มันจะลากลงมาที่แก่นกายแล้วขย้ำเบาๆทำเอาผมกระตุกเสียวเล่นราวกับว่าเจ้าของมือจงใจจะแกล้งผมเสียอย่างนั้น
“อ๊ะ...นยอง...อ๊า” มือของบอสที่กำลังขย้ำแก่นกายเบาๆนั้นจู่ๆมันก็เพิ่มแรงขึ้นมาทีละนิดๆมันทำผมเสียวมากจนเริ่มกระสับกระส่าย แต่แล้วมือของบอสก็หยุดชะงักแล้วปลดกระดุมกางเกงผมออกทันทีก่อนที่ใบหน้าแมวนั้นจะเคลื่อนเข้ามาแล้วก้มลงไปนำปากของตัวเองครอบครองแก่นกายของผมจากนั้นเขาเริ่มขยับปากเข้าออกไปมาช้าๆ
“อ่า...” เสียวจนทนไม่ไหวจริงๆ ทันทีที่ผมเปล่งเสียงครางออกมาจังหวะการขยับก็เปลี่ยนไปจากช้าก็กลายเป็นเร็วมาก จนผมต้องบิดร่างกายตัวเองไปมาพร้อมกับสวนสะโพกกลับไปในโพรงปากของบอสเพราะทนความเสียวไม่ไหว
“ระ...เร็วอีก...นะ...นยอง”
“อ๊ะ...อื้อ...หยุดทำไมอ่า นยอง” วินาทีที่ผมกำลังจะถึงนั้นจู่ๆบอสก็หยุดขยับแล้วถอนปากออกไป
“ฉันไม่ให้กากาเสร็จก่อนหรอกนะ” บอสลุกขึ้นยืนก่อนจะนั่งคร่อมผมให้ใบหน้าผมอยู่ในระดับเดียวกับแก่นกายใหญ่ที่ตอนนี้พองตัวดันกางเกงที่บอสใส่ออกมา
“จัดการมันสิครับ” ผมยื่นมือไปปลดกระดุมกางเกงออกแล้วกดมือเบาๆรูดซิปลงมาช้าๆอย่างไม่เร่งรีบให้ซิปมันครูดกับส่วนนั้นเบาๆ จนร่างสูงตรงหน้าผมถึงกับเม้มปาก ทันทีที่ผมดึงกางเกงพร้อมชั้นในของบอสส่วนนั้นของบอสก็ผงกหัวขึ้นมาชี้หน้าผมทันที บอสจับมันแล้วนำมาจิ้มปากผมเบาๆให้ผมเริ่มทำมันได้แล้ว ผมจึงอ้าปากรับมันเข้ามาในปาก ความใหญ่ของมันคับปากของผมจนปวดไปหมด
“อ่า...กากา” ผมดูดดุนแท่งเนื้อนั่นอยู่ซักพักก่อนจะนำมือทั้งสองข้างกอบกุมมันแล้วรูดขึ้นลงต่อ
ส่วนปลายยอดที่ปริ่มน้ำนั้นผมละเลงลิ้นลงไปคิดว่าตัวเองกำลังกินไอติมอยู่ ลิ้นของผมทะแยงเข้ากับรูเล็กๆที่ปลายยอดและมันก็ทำให้บอสครางออกมาได้ ผมคิดว่าเขาคงพอใจ
จู่ๆบอสก็ดึงหน้าผมออกแล้วลุกออกไปก่อนจะแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาของผม บอสจับขาผมพาดพนักพิงของโซฟาข้างนึงพาดบ่าของบอสข้างนึงแล้วนำแก่นกายใหญ่นั่นมาจ่อที่ช่องทางของผม ผมเลื่อนสายตาไปมองหน้าบอสที่มองมาทางผมอยู่ก่อนแล้วมันทำให้ผมหลบตาบอสทันที หน้าที่ร้อนอยู่แล้วกลับร้อนยิ่งขึ้นไปอีก
“อ๊า......” เขินได้ไม่นานจู่ๆบอสก็แทงเข้ามารวดเดียวจนมิดด้าม ไม่มีการเล้าโลม ไม่มีการเบิกทางอะไรทั้งนั้น ผมว่าตอนนี้เลือดผมคงไหลแน่ๆแต่บอสก็ไม่ได้ขยับแท่งเนื้อนั่นเขาแช่มันไว้อย่างนั้นเพื่อให้ผมปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินก่อน เขาคงจะรู้อยู่แล้วว่าผมเจ็บเขาถึงไม่ขยับเลยทันทีที่เสียบเข้ามา แต่ผมรู้สึกว่าบอสจะปล่อยไว้นานเกินไปรึเปล่านะตอนนี้ผมเริ่มอึดอัดกับมันแล้วล่ะ
“นยองขยับสิ” ผมพูดราวกับสั่ง เขากลับยิ้มแต่ก็ไม่ได้ขยับแต่อย่างใด บอสก้มลงมาจูบริมฝีปากผมขบเม้มมันเบาๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากเพื่อให้ผมอ้าปากและผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“กากาเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ หืม” บอสกระซิบที่ข้างหูเบาเบาก่อนจะขบเม้มติ่งหูผมเบาเบาแต่บอสก็ยังไม่ขยับเลยซักนิด มันทำให้ผมอึดอัดมากขึ้นไปอีก ผมทนไม่ไหวใช้ขาที่พาดบ่ากับโซฟาตวัดเกี่ยวเอวของบอสและใช้มือคล้องคอบอส
“ดึงขึ้นหน่อยสิ” บอสทำตามอย่างว่าง่ายดึงผมขึ้นไปจนตอนนี้ท่าของผมกับบอสคือผมนั่งคร่อมบอสทั้งๆที่ส่วนนั้นเรายังเชื่อมกันอยู่ ในเมื่อบอสไม่ทำผมก็จะทำมันเอง
“อะ...อื้อ” ทันทีที่ผมเริ่มขยับความเสียวก็แล่นเข้ามาทันทีมันทำให้ผมแข้งขาอ่อนไปหมด
“อะ...อ๊ะ...อ๊า” ผมเริ่มขยับมันอีกครั้งบอสเอื้อมมือมาจับที่บั้นท้ายของผมก่อนจะขย้ำมันอย่างสนุกมือและคอยบังคับจังหวะการกดสะโพกของผม
“อื้อ...นยอง” ผมครางออกมาเป็นชื่อเขาผมรู้ว่าถ้าผมทำแบบนี้เขาจะพอใจและผมก็อยากจะทำให้เขาพอใจ
“อ๊า...นยอง” แต่คราวนี้ผมกลับร้องเสียงหลงเพราะคนข้างล่างดันสวนสะโพกกลับมาตอนที่ผมกำลังกดสะโพกลงพอดี มันลึก เสียวจนจะขาดใจ และมันก็รู้สึกดี
“นยอง...เร็ว...อีก..อึก..อื้อ”
“อื้อ...อึก...อ๊ะ...อ๊า...นยอง” เมื่อยิ่งใกล้ปลดปล่อยเท่าไหร่จังหวะการกดสะโพกของผมกับการเด้งสะโพกของบอสก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก มันเสียวจนผมครางดังอย่างไม่อายออกมา
“อ๊า/อ่า” และเราทั้งสองก็ปล่อยออกมาพร้อมๆกัน ผมซบหน้าลงบนอกของบอสหอบหายใจเหนื่อยกับกิจกรรมที่เราพึ่งทำไปเมื่อกี้ ผมลุกออกจากตัวบอสแต่ก็ไม่ทันบอสที่ยกมือขึ้นมากอดผมไว้หลวมๆและรองมือไว้ที่แผ่นหลังผมกันผมตกออกจากตักเราทั้งสองยังคงเชื่อมกันอยู่แล้วบอสก็เริ่มซุกหน้าลงบนอกกับหน้าท้องของผมอีกครั้ง จมูกโด่งดอมดมร่างกายผมไปเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนบอสลุกขึ้นยืนและอุ้มผมขึ้นไปด้วยผมที่ไม่ทันตั้งตัวก็กลัวตกจึงตวัดขาเกี่ยวรอบเอวของบอสทันทีที่บอสลุกทำให้เราอยู่ในท่าอุ้มแตง ผมรับรู้ได้ถึงสิ่งที่มันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งในช่องทางนั้นของผม
“อีกรอบนะ” บอสกระซิบแค่นั้นก่อนจะเริ่มเดิน
“อื้อ...อ๊า..นยอง..สะ..เสียว” แก่นกายใหญ่ของบอสกระแทกเข้ามาทุกครั้งที่บอสเดินและยิ่งอยู่ในท่านี้มันก็ยิ่งลึกเข้าไปอีก มันเสียวจนผมอยากจะขาดใจตายให้ได้ตรงนั้น แรงกระแทกแต่ละครั้งที่กระแทกลงมามันช่างลึก ลึกมากเหลือเกิน
“อ๊ะ..นยอง...อ๊า...นยอง..มะ..ไม่..ไหว” ผมทนมันไม่ไหวแล้วมันเสียวมากเกินไป
“เรามาเดินเล่นซักหน่อยดีมั้ยกากา” ผมอ้าปากครางไม่ตอบรับสิ่งที่บอสถามถึงผมจะปฏิเสธไปบอสก็ไม่ฟังอยู่ดี บอสเดินไปเรื่อยๆผมก็ครางทุกครั้งที่แก่นกายบอสกระแทกเข้ามาตลอดทางเช่นกัน จนบอสมาหยุดอยู่ตรงที่แห่งหนึ่งลมพัดเย็นๆมันทำให้ผมรู้ว่านี่คือ ระเบียง!
“วิวสวยดีนะ กากาอยากดูมั้ย” บอสวางผมลงจับผมพลิกตัวหันหน้าออกไปและหันหลังให้บอสก่อนที่บอสจะโน้มตัวลงมาแล้วสอดใส่แก่นกายเข้ากับช่องทางของผมอีกครั้ง
“อ๊า...” ผมไม่คิดว่าบอสจะแกล้งผมแบบนี้ นี่มันข้างนอกนะถึงจะอยู่ชั้นสูงๆก็เหอะแต่ผมก็ท้วงอะไรไม่ได้เพราะความเสียวมันมีมากกว่ามันทำให้ผมครางมากกว่าที่ร้องประท้วงใดๆ แล้วคิดว่าคงอีกนานกว่าเราจะได้นอน




...............................................................


“คุณแจ็คสัน” ทันทีที่ผมเดินเข้ามาในบริษัทและมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองก็มีเสียงเรียกให้ผมหันหลังไปมอง
“วันนี้เรามีสมาชิกใหม่มาแนะนำ นี่ คิม ยูคยอม เด็กฝึกงานแผนกเราค่ะ” เธอชี้ไปที่เด็กหนุ่มผิวขาวตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ อะไรจะสูงขนาดนั้น น่าอิจฉาจัง
“สวัสดีครับ ผม คิม ยูคยอมครับ” ร่างสูงตรงหน้าแนะนำตัวเองอีกทีก่อนจะโค้งให้ผม
“ฉันแจ็คสันนะ ยินดีที่รู้จักเด็กใหม่” ผมยิ้มให้กับเด็กตรงหน้าอย่างเป็นมิตร
“ครับ พี่แจ็คสัน...เอ่อ ผมเรียกแบบนี้ได้มั้ย” ร่างสูงตรงหน้าดูตกใจกับคำพูดที่หลุดออกมาก่อนจะขออนุญาตผม เด็กนี่ตลกดีจัง
“ฮ่าๆ เรียกเถอะ พี่ก็อยากสนิทกับคยอมมี่เหมือนกัน”
“หา!” ชื่อใหม่ของร่างสูงตรงหน้าที่ผมพึ่งคิดมันสดๆเมื่อกี้ถูกเรียกขึ้นมาจนทำให้ร่างสูงตรงถึงกับทำหน้าเหรอหราไปเลย เด็กนี่ตลกจริงๆแหละนะ



“พี่แจ็คสันไปกินข้าวเที่ยงกัน” เด็กโย่งโผล่มาทางด้านหลังของผมพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อผมซะดังลั่น
“คุณแจ็คสันกับยูคยอมสนิทกันเร็วจริงๆนะคะ” เสียงแซวจากผู้หญิงในแผนกเดียวกันกับผมแซวหยอกล้อที่เห็นเด็กยักษ์นั้นมาชวนผมทานข้าว ผมไม่ได้ตอบเธอได้เพียงแต่ยิ้มให้เธอเท่านั้นแล้วเดินไปหาเด็กยักษ์ที่ยืนรอผมอยู่แล้ว
“ไปกัน” ผมเดินนำเด็กยักษ์นั่นก่อนเด็กนั่นจะเดินตามหลังมาเกาะไหล่ผมเหมือนต่อรถไฟแล้วก็เดินตามมาเหมือนเด็กๆ นี่อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย คิมยูคยอม
เรามาถึงร้านอาหารข้างๆบริษัทเป็นร้านประจำของผมเลยก็ว่าได้ เราเดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ก่อนที่ผมจะสั่งอาหารแบบไม่ต้องดูรายการอาหารเลย
“พี่แจ็คสันดูคุ้นเคยกับร้านนี้จังนะครับ” เด็กยักษ์ตรงหน้าเอยขึ้นหลังจากสั่งอาหารเสร็จ
“แน่อยู่แล้ว ก็พี่มาบ่อยนิ” ผมบอกท่าทางสบายๆเอนหลังพิงกับพนักพิงแล้วยิ้มให้กับเด็กตรงหน้า
“มากับใครหรอครับ” ผมมองหน้าเด็กยักษ์นั่นนิดหน่อย เด็กนั่นก็มองหน้าผมกลับเหมือนกันแต่ติดรอยยิ้มมาด้วย
“มาโคะ....” ทันทีที่ผมกำลังจะตอบเด็กยักษ์นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังแทรกขึ้นกลางระหว่างที่ผมกำลังจะพูด
“อ้าว แจ็คสัน” ผมหันไปมองทางต้นเสียงที่เอ่ยทักผมเสียงดัง
“บะ...บอส” ผมตกใจ บอสมาที่นี้ได้ยังไงมันก็ไม่แปลกหรอกที่บอสจะมาร้านอาหารแต่ปกติพักกลางวันบอสสั่งข้าวเข้าไปกินในบริษัทนิ ไม่มาร้านอาหารด้วยตัวเองแบบนี้หรอก
“มาทานข้าวเที่ยงเหมือนกันหรอครับบอส” ผมยิ้มทักทายเหมือนปกติที่เรามักจะทำกันเวลาอยู่กับคนอื่น
“อาฮะ แต่ว่าที่นั่งเต็มพอดีขอนั่งด้วยคนนะ” บอสว่าแล้วก็ถือวิสาสะนั่งลงข้างๆผมพร้อมกับสั่งอาหาร
“ว่าแต่ นี่เด็กฝึกในแผนกนายใช่มั้ยแจ็คสัน” หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จบอสก็หันหน้ามามองทางเด็กยักษ์ เด็กนั่นเห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกแนะนำตัวเองทันที
“ผมเด็กฝึกงาน คิมยูคยอมครับ” ท่าทางลุกลี้ลุกลนมันทำให้ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“อ่า นั่งลงเถอะ ฉันอายเขา” บอสบอกพร้อมกับทำสัญญาณมือให้นั่งลงได้แล้ว
“ฉัน ปาร์ค จินยองนะ” บอสแนะนำตัวเสร็จเป็นเวลาเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดีพวกเราเลยลงมือทานอาหารของตัวเองแล้วก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศมันดูอึดอัดชอบกล รู้สึกเหมือนบอสกำลังเขม่นเด็กยักษ์ที่นั่งกินข้าวไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“จินยองคะ” เสียงน่ารักดังขึ้นเรียกชื่อบอสทำให้ผมและอีกสองคนหันไปมองทางต้นเสียงนั้น
“โซยอง...คุณมาได้ไง” คู่หมั้นบอสมาทำไมที่นี่ ผมได้แต่มองดูบอสที่รีบลุกขึ้นดึงมือคู่หมั้นของตัวเองเดินออกไปพร้อมจ่ายเงินค่าอาหาร แล้วก็หายไปเลย หึ ตัวจริงเขามาแล้วสินะ
“พี่แจ็คสันครับ!
“หะ” เสียงเรียกของคยอมมี่ทำให้ผมสะดุ้งออกจากภวังค์
“จะเข้าบริษัทเลยมั้ยครับ”
“หะ เอ่อ เข้าๆ” จู่ๆเด็กยักษ์ก็หัวเราะออกมามันทำให้ผมงงกับการกระทำของเขา
“พี่ทำหน้าตลกจัง” แล้วเด็กยักษ์ก็เฉลยสิ่งที่ทำให้เขาหัวเราะออกมาและมันก็ทำให้ผมยิ้ม ยิ้มอีกแล้ว
เราเดินด้วยกันมาเรื่อยๆเล่นหยอกล้อกันไปมาระหว่างทางเดิน ผมรู้สึกเหมือนมีน้องชายเลยล่ะ ยูคยอมเป็นเด็กน่ารักดีในความคิดผมนะ
“พี่ชอบคุณจินยองหรอครับ” ผมหยุดเดินชะงักกับคำถามที่จู่ๆเด็กยักษ์ถามผมแบบไม่ปี่มีขลุ่ย ผมเงยหน้ามองเด็กยักษ์นั่นนิดหน่อยก่อนจะเดินต่อ
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น” ผมไม่ได้ตอบคำถามเขาแต่ผมกลับถามเขากลับไป ทำไมเด็กยักษ์นั่นถึงคิดแบบนั้นนะ
“ผมเห็นสายตาพี่ตอนที่มองคุณจินยองกับผู้หญิงอีกคนเดินออกไป” เด็กนี่เห็นหรอ
“มันดูเจ็บปวด” ผมได้แต่นิ่งกับคำพูดนั้น นี่ผมแสดงออกจนเด็กยักษ์นี่รู้เลยหรอ
“มีอะไรที่พี่ไม่สบายใจก็บอกผมได้นะ ถึงผมจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้น่ะนะ ผมรู้ว่าผมพึ่งรู้จักกับพี่เรายังไม่สนิทกันขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่เก็บมันไว้คนเดียว”
“พักอยู่แถวไหนน่ะ” ผมไม่ได้ตอบรับหรืออะไรแต่เปลี่ยนประเด็นแทน
“คอนโดMTครับ” นี่มันที่เดียวกับที่ผมพักเลยนิ
“ขอไลน์หน่อยสิ” เด็กยักษ์คยมมี่คงงงกับการกระทำของผมที่จู่ๆก็ถามที่อยู่ขอไลน์แต่ก็ให้ตามที่ผมขอ
“ป่ะ ทำงาน” หลังจากที่ผมขอไลน์เสร็จผมกับเด็กยักษ์คยอมมี่ก็แยกย้ายกันทำงานตามปกติ

..........................................

“พี่แจ็คสัน” เสียงเรียกของเด็กยักษ์ที่ดังมาจากโซฟาห้องรับแขก นี่ก็ผ่านไปเดือนกว่าๆแล้วผมกับเด็กยักษ์นั่นเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมรู้เรื่องเด็กนี่แล้วเด็กนี่ก็รู้เรื่องผมยกว้นเรื่องบอสเราสนิทกันเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาเลยก็ว่าได้ ผมรู้ว่าเด็กนี่เป็นลูกของมาเฟียของที่นี่แต่มาฝึกงานที่บริษัทนี้เพราะอยากหาประสบการณ์ และพ่อก็ตามใจเขามากด้วยเพราะเขาเป็นลูกคนเล็กของตระกูล ทันทีที่ผมรู้ครั้งแรกนี่ผมอึ้งไปเลยล่ะ ไม่คิดว่าเด็กน่ารักๆซื่อๆแบบนี้จะเป็นลูกชายมาเฟีย แต่ผมก็ไม่ได้ตีตัวออกห่างเพียงเพราะเขาเป็นลูกมาเฟียหรอก เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม
“มาดูหนังกัน” เวลาว่างหรือไม่มีไรทำเด็กยักษ์มักจะมานั่งเล่นห้องผมแล้วเราก็จะดูหนังด้วยกัน
ผมเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกก่อนจะหย่อนก้นตัวเองนั่งลงข้างๆกับเด็กยักษ์
หนังที่กำลังฉายไปเรื่อยๆไม่ได้ทำให้ผมสนใจที่จะดูเท่าไหร่ ผมดูหลายครั้งแล้วล่ะเรื่องนี้แต่ว่าเด็กยักษ์ข้างๆนี่อยากดูผมเลยตามใจเขา ผมไม่รู้หรอกนะอะไรทำให้ผมอยากอยู่กับเขามันคงเป็นเพราะความสบายใจล่ะมั้ง เวลาผมอยู่กับเด็กนี่ผมว่าผมมีความสุขแปลกๆ
“วันพรุ่งนี้เย็นพี่ว่างมั้ย” เด็กยักษ์ละสายตาจากหนังมามองหน้าผมพร้อมถามคำถามเหมือนจะชวนไปไหน
“ไม่ว่างอ่ะ มีธุระ” เด็กยักษ์พยักหน้าเข้าใจแล้วหันหน้าไปดูหนังต่อ
“ผมมารอที่ห้องบอสแล้วนะ” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือบอกว่าผมถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ธุระที่ว่าก็คือมาคอนโดบอส บอสนัดผมมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
<โอเค กาการอผมแป๊บนะผมกำลังไป>
“ครับ” ผมกดวางสายแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องครัวของบอส ผมจัดเตรียมอาหารรอบอสดีกว่า
23.45
ป่านนี้แล้วทำไมบอสยังไม่มาอีก เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ ผมกำโทรศัพท์ของตัวเองแน่นจะโทรไปหาดีมั้ยมันจะรบกวนเขารึเปล่านะ แต่ใจหนึ่งผมก็อยากรู้ว่าเขาเป็นอะไรรึเปล่าทำไมถึงมาช้าแบบนี้
ติ๊ง!
Jr.JJ
ขอโทษนะครับที่รัก ผมคิดว่าผมไปไม่ได้แล้ว 23.49 อ่านแล้ว
คุณกลับห้องไปก่อนนะ 23.49 อ่านแล้ว
ผมลุกขึ้นเก็บของทำความสะอาดทิ้งอาหารทุกอย่างที่ผมทำผมยังไม่ได้แตะมันซักนิด ผมรอเขากลับมาทานด้วยกัน แต่ว่าคงไม่จำเป็นแล้วสินะ เพราะเขาไม่มาแล้ว
..................................

“พี่แจ็คสัน ไปทานข้าวเย็นกันมั้ย” เด็กยักษ์ชวนผมขณะที่มือก็เก็บของเป็นพัลวัน
“อ่า ไปสิ ที่ไหนอ่ะ” ผมตอบตกลงไปเตรียมตัวออกจากบริษัท
“เดี๋ยวผมไปหาพี่ที่ห้องเอง” เราเดินออกจากบริษัทพร้อมกัน มันเป็นแบบนี้ทุกวันหลังจากที่รู้ที่อยู่ของกันและกันเรากลับคอนโดด้วยกันตั้งแต่ตอนนั้นมา เราเดินมาถึงสถานีรถไฟบริษัทผมใกล้กับสถานีรถไฟน่ะครับทำให้เดินไปก็ได้ ทันทีที่ผมขึ้นรถไฟแรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารทำให้ผมหยิบขึ้นมาดูผมเห็นข้อความแจ้งเตือนไลน์เข้ามา
Jr.JJ
วันนี้ทานข้าวด้วยกันนะ 17.23 อ่านแล้ว
ผมคิดถึงคุณ 17.23 อ่านแล้ว
อยากไถ่โทษวันก่อนด้วย 17.24 อ่านแล้ว
ผมยิ้มให้กับข้อความนั้น ผมคิดว่าผมต้องไปหาเขาหน่อยเพราะผมก็คิดถึงเขาเหมือนกันถึงเราจะทำงานที่เดียวกันแต่ช่วงนี้เขายุ่งมาก จนเราไม่ค่อยได้เจอกันเลย แต่ว่าผมตอบตกลงเด็กยักษ์ไปแล้วสิจะบอกเด็กนั่นยังไงดีนะ แรงสะกิดที่แขนทำให้ผมหันไปมองคนที่สะกิดแขนผมนิดหน่อยเด็กยักษ์พยักเพยิดหน้าบอกผมว่าถึงสถานีที่เราต้องลงแล้ว ผมออกมาจากรถไฟแล้วเดินกลับคอนโดไปพร้อมกันกับเด็กยักษ์ เราเดินเข้ามาในลิฟท์คอนโดแล้วและตอนนี้ผมคิดว่าผมคงต้องปฏิเสธนัดเด็กยักษ์นี่แล้วล่ะ
“คยอมมี่คือว่า...เรื่องทานข้าวเย็นน่ะ” จู่ๆผมก็รู้สึกไม่กล้าพูดออกมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ ผมกลัวคนตรงหน้าจะโกรธยังไงไม่รู้ เด็กยักษ์นิ่งฟังผมว่าผมจะพูดอะไรมันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าพูดเข้าไปอีก
“พี่ไม่ว่างแล้ว พี่ทานกับคยอมมี่ไม่ได้แล้วนะ” ผมหลับตาก้มหน้าพูดแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กยักษ์เลย
“เพราะคุณจินยองสินะครับ” ผมเบิกตาเงยหน้ามองเด็กยักษ์ เด็กนี่รู้ได้ยังไงว่าเพราะบอส
“ผมเห็นข้อความในโทรศัพท์พี่ แต่แค่นั้นมันไม่ทำให้ผมรู้หรอกนะว่าเป็นคุณจินยอง ถ้า...ผมไม่เห็นคุณจินยองกับพี่กอดและจูบกันเมื่อสัปดาห์ก่อน” คำพูดจากปากของเด็กยักษ์นั่นทำผมช็อคไปเลย ผมไม่คิดว่าจะมีคนเห็นผมกับบอสกอดและจูบกัน แต่เด็กนี่กลับเห็นมันแต่เขาก็ทำตัวปกติกับผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กยักษ์เดินออกจากลิฟท์ทันทีที่ถึงชั้นห้องของตัวเองห้องของเด็กนี่อยู่ก่อนผมชั้นนึง ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาปไม่ขยับอะไรทั้งสิ้น เขายิ้มให้ผมทีนึงก่อนที่ลิฟท์จะปิด มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ ยูคยอม

ผมมาถึงคอนโดของบอส บอสให้ผมเข้าไปรอในห้องเลย ผมเดินเข้ามาในห้องมืดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่คลำหาสวิทต์ไฟก่อนจะกดเปิดมันห้องทั้งห้องสว่างขึ้นมาทันที ผมเดินไปที่ห้องครัวก็เจอกับอาหารที่ถูกจัดวางไว้แล้วสองคน แต่ว่านะเจ้าของห้องไปไหนล่ะเนี่ย ผมตัดสินใจนั่งลงตรงที่เก้าอี้เพื่อรอเขาวันนี้เราคงจะได้ทานด้วยกันจริงๆแล้วสินะ แค่คิดมันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาแล้ว
ติ๊ง!
 ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแจ้งเตือนไลน์นี่ผมเผลอหลับไปงั้นหรอกี่โมงแล้วเนี่ย ผมเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา
Jr.JJ
ผมขอโทษนะแต่ว่าผมติดธุระ คุณทานไปก่อนเลยนะ 22.54 อ่านแล้ว
ผมวางโทรศัพท์ลง หึ อีกแล้วสินะ ผมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปกลับห้องตัวทันที คงไม่ต้องรอแล้ว
ผมเดินมาถึงคอนโดตัวเอง ย้ำว่าเดินจริงๆผมอยากเดินไปเรื่อยเปื่อยไม่ต้องรีบไม่ต้องอะไรทั้งนั้น ผมออกลิฟท์เมื่อถึงชั้นของตัว ทันทีที่ผมเดินไปที่ห้องของตัวเองผมก็ต้องชะงักกับร่างที่ดูคุ้นเคยกำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าอยู่ นี่มันเด็กยักษ์คยอมมี่นี่ มาทำอะไรหน้าห้องผมกัน
“คยอมมี่ คยอมมี่ตื่น” ผมสะกิดคนตัวใหญ่เบาๆเพื่อให้เขาตื่น เด็กยักษ์เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างงัวเงียหรี่ตามองผม ก่อนจะกระพริบตาปริบๆ
“พี่แจ็คสัน” ทันทีที่ปรับโฟกัสเรียบร้อยเด็กยักษ์คยอมมี่ก็เรียกชื่อของผมก่อนจะโผเข้ากอดผม
“เป็นอะไรของนายน่ะ ลุกขึ้นก่อนเร็ว” ผมตกใจมากนะที่จู่ๆเด็กนี่ก็กอดผมเฉยเลยเป็นอะไรของเขาน่ะ ผมพยุงเด็กยักษ์ลุกขึ้นแล้วลากเข้ามาในห้องด้วยกัน
“เป็นไรของนาย แล้วมาอยู่หน้าห้องพี่ได้ไง” ทันทีที่เข้ามาที่ห้องรับแขกผมก็เปิดประเด็นถามทันที
“ผมมารอพี่” เด็กนี่รอผมทำไมก็บอกว่ามีธุระไม่ใช่รึไงน่ะ ผมไม่พูดไรออกมาได้แต่กอดอกมองหน้าเด็กยักษ์นี่เท่านั้น
“ผมไม่ชอบที่พี่ไปหาคุณจินยอง...เป็นไงมั้งครับทานมื้อเย็นกันสนุกมั้ย” คำถามที่ถามออกมาจากปากของเด็กยักษ์นี่ จุกแหะ
“ไม่ได้ทาน” ผมตอบไปแค่นั้นพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำกลั้นบางสิ่งที่มันเริ่มมาคลอที่ดวงตา
“ทำไม...” เด็กยักษ์เข้ามาพร้อมกับจับมือของผมไว้แล้วลูบไปมา มันทำให้สิ่งที่กลั้นมาทั้งหมดพังลง ณ ตอนนั้น
“เขาไม่มา...ฮึก” น้ำตาของผมหยดแหมะลงบนมือใหญ่ที่กอบกุมมือผมเอาไว้ เด็กยักษ์ดึงผมเข้าไปหาอกของเขาแล้วกอดผมไว้ ผมปล่อยโฮออกมาน้ำตาที่ไหลออกมาแค่หยดสองหยดแต่ตอนนี้มันไหลเหมือนผมเปิดน้ำก๊อก เด็กยักษ์โยกผมไปมามันทำให้ผมรู้สึกเขากำลังปลอบใจผมอยู่ ผมรู้สึกว่าทำตัวเหมือนเด็ก ผมไม่อายคนตรงหน้านี้เลยได้แต่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลลงเรื่อยๆ ปล่อยให้เด็กยักษ์กอด ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนเขาปกป้องผมได้ เด็กยักษ์ดันผมออกจากอกนิดหน่อยก่อนจะนำมือมาประคองใบหน้าของผมพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มของผมอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน พร้อมกับจ้องใบหน้าเปื้อนน้ำตาของผมอย่างไม่วางตา
“อยากระบายก็ระบายมันออกมากับผม”
“ฮือ...ฮึก” ผมปรือตามองหน้าเด็กยักษ์นั่นแต่ไม่ชัดเท่าไหร่เพราะน้ำตาของผมที่กำลังไหลออกมันบดบังม่านตาผมไปหมด เด็กยักษ์จึงเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง
“ผมจะอยู่ตรงนี้...ข้างพี่ ผมจะไม่ไปไหน” ทันทีที่เด็กยักษ์นั่นเอ่ยจบดวงตาของเราสองคนสบกันผมมองดวงตาของเด็กยักษ์นั่นที่มันกำลังสื่อความหมายบางอย่าง บางอย่างที่มันบอกว่า รัก
ผมพยายามนิ่งและหยุดสะอื้นมองเด็กยักษ์อยู่ครู่นึงก่อนจะลากเด็กยักษ์นั่นมานั่งที่โซฟาพร้อมกับเล่าเรื่องของกับบอสทั้งหมดให้เขาฟัง เด็กยักษ์นั่นนิ่งไปนานหลังจากที่ผมเล่าจบก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวผมแผ่วเบาพร้อมกับยิ้มบางๆให้ผม
“พี่อาบน้ำแล้วก็นอนได้และนะ พี่คงเหนื่อยมามากแล้ว” เด็กยักษ์ลุกออกจากโซฟาเหมือนกำลังจะกลับห้องของตัวเองแต่ไม่ทันมือผมที่ยกขึ้นมาดึงแขนเขาไว้ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ผมไม่อยากให้เขาไป
“อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ คยอมมี่อ่า” เขาหยุดแล้วหันหลังมาจับมือผมแล้วนั่งลงแล้วยิ้มออกมา ทำไมนะ ทั้งๆที่เด็กกว่าผมแท้ๆแต่ผมกลับคิดว่าเขาจะสามารถดูแลผมได้ยังงั้นแหละ
“งั้นพี่แจ็คสันก็ไปอาบน้ำแล้วนอนนะครับ ผมจะไม่ไปไหนจะอยู่จนกว่าพี่จะนอน” รอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้มันทำให้ผมแปลกๆ ใจมันเต้นเร็วเกินไป ห้องนี้รู้สึกจะร้อนขึ้นมาด้วย
ผมเดินจะเข้าห้องนอนตัวเองแต่ก็ยังหันหน้ากลับไปดูใครอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์ไม่ขยับไปไหน พอเห็นว่าเด็กยักษ์ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนผมถึงหันหลังกลับมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

ผมเปิดประตูห้องนอนของตัวเองสายตามองหาใครบางคนที่คิดว่าน่าจะยังดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟาแต่กลับไม่มี แอบหนีกลับก่อนงั้นหรอ ผมเดินไปดูที่ห้องครัวก็ไม่เจอคงกลับไปแล้วจริงๆสินะ พอคิดได้ดังนั้นผมจึงหมุนตัวหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินเข้าห้องตัวเอง แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงของใครบางคน
“แจ็คสัน” เสียงนี้มัน
“จิน..ยอง” ผมหันหลังไปมองก็เจอกับบอสที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่ นี่มันอะไรกัน บอสยืนอยู่ตรงนี้ได้ไง แล้วตอนนี้เด็กยักษ์นั่นไปไหน ผมหันซ้ายหันขวามองหาอีกคนที่เมื่อกี้ยังอยู่ในห้องแต่ตอนนี้กลับไร้วี่แววของเด็กยักษ์นั่น
“มองหาใครอย่างนั้นหรอ กากา” บอสยื่นมือมาจับแก้มแล้วบิดหน้าของผมให้หันไปเผชิญกับหน้าของตัวเอง
“คิดถึงนายนะ” ว่าแล้วบอสก็สวมกอดผมทันที บอสกอดผมโยกไปมาเบาๆอย่างเนิ่นนานเหมือนสื่อให้ผมรู้ว่าเขาคิดถึงผมมากแค่ไหน ผมยกมือขึ้นกอดตอบเขาพลางเอาหน้าซบกับอกเขาเช่นกันผมก็อยากให้เขารู้ว่าผมก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“วันนี้ฉันค้างที่นี่นะ จุ๊บ” บอสกระซิบที่ข้างใบหูของผมก่อนจะจุ๊บลงบนกกหูให้ผมจั๊กจี้เล่น จากนั้นก็พรมจูบผมไปทั่วทั้งใบหน้า เขาคงคิดถึงผมมากจริงๆถึงได้พรมจูบผมไม่หยุดเลย แต่ว่านะเด็กยักษ์นั่นหายไปไหน กลับห้องไปทำไมไม่บอกไม่กล่าว เด็กนิสัยไม่ดี
.................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น