Home

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

[MarkBam] ลืม



ลืม MB


“มาร์คอาหารเสร็จแล้วนะ ออกมาได้แล้ว” ทันทีที่ตะโกนบอก ร่างสูงเจ้าของชื่อที่ร่างบางเรียกก็เดินออกมาจากห้องนอนทันทีและนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของเสียงที่เรียกตน
มือหนาตักข้ามต้มขึ้นมาจ่อที่ปากของตนก่อนจะค่อยๆเป่าให้มันหายร้อนสักหน่อยจากนั้นก็เอาเข้าปากไปบรรจงเคี้ยวมันอย่างช้าๆเหมือนกับต้องการรับรู้รสชาติของข้าวต้มถ้วยนี้พร้อมกับใบหน้าของร่างบางตรงหน้าที่เริ่มหลิ่วตาและจ้องมายังใบหน้าของร่างสูงลุ้นกับปฏิกิริยาของร่างสูงกับข้าวต้มที่ตัวเองทำยิ่งคนตรงหน้านิ่งร่างบางก็ยิ่งลุ้นเข้าไปอีก
“เป็นไง อร่อยมั้ย” ทันทีที่ร่างบางถามจบก็ไม่มีเสียงใดใดเล็ดรอดออกมามีเพียงความเงียบเท่านั้นจากร่างสูงเท่านั้นที่ให้คำตอบแต่ในความเงียบนั้นก็ยังมีรอยยิ้มที่ยิ้มกลับมาและพยักหน้าส่งให้ร่างบางได้ปลื้มใจที่อาหารของตนเองนั้นถูกปากคนตรงหน้า
“วันนี้แบมกลับดึกนะ มาร์คไม่ต้องรอ” เป็นอีกครั้งที่แบมแบมพูดออกมาพร้อมกับมือที่กำลังง่วนอยู่กับการล้างจานตรงหน้าและก็เป็นอีกครั้งที่ร่างสูงของมาร์คเงียบไม่ตอบรับแบมแบมแต่สัมผัสอุ่นและแรงกอดรัดอย่างทนุถนอมที่รู้สึกได้จากทางด้านหลังมันทำให้แบมแบมยิ้มออกมา แบมแบมเช็ดมือหลังจากที่ล้างจานเสร็จมือบางค่อยๆวางทับมือหนาที่วางอยู่บนหน้าท้องตัวเองลูบมันเบาๆแล้วค่อยดึงมือหนาออกอย่างช้าๆก่อนจะหันหน้าเข้าหามาร์คพร้อมกับแขนที่ค่อยๆยกขึ้นมาคล้องคอของมาร์คเอาไว้พร้อมกับแขนทั้งสองข้างของมาร์คที่ตอนนี้ยกขึ้นมาสวมกอดร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง
ทั้งสองสบตากันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมผละออกไปก่อนราวกับแข่งจ้องตากันจนแบมแบมต้องก้มหน้าเป็นฝ่ายยอมแพ้แทนเพราะทนสายตาของมาร์คไม่ไหว แต่เพียงไม่นานเแบมแบมก็เขย่งเท้ายืดตัวขึ้นไปประทับรอยจูบไว้บนริมฝีปากหนาแล้วค่อยผละออกแต่เหมือนอีกคนจะยังไม่พอใจมือที่เคยอยู่ตรงเอวคอดค่อยๆยกขึ้นมาจับท้ายทอยของคนในอ้อมกอดและบรรจงจูบริมฝีปากสีเชอรี่นั่นอย่างละมุนละไมเขาไม่ได้รุกล้ำเข้าไปแต่อย่างใด เขาค่อยๆบดเบียดริมฝีปากของตัวเองไปอย่างช้าๆขบเม้มริมฝีปากอีกคนอย่างแผ่วเบาไม่หวือหวา ไม่ร้อนแรง เรียบๆง่ายๆแต่มันก็ทำให้อีกคนเคลิ้มและใจเต้นแรงได้เหมือนกัน
“อือ” เสียงครางของแบมแบมพร้อมกับแรงดันที่อกของมาร์คบ่งบอกให้รู้ว่าแบมแบมหายใจไม่ออกแล้ว ร่างสูงผละออกอย่างช้าๆก่อนจะยิ้มให้คนตัวเล็กในอ้อมกอด
“แบมไปก่อนนะ สายแล้ว”
จุ๊บ
ทันทีที่แบมบอกร่างบางก็ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มสากอีกทีแล้วเดินออกจากห้องไปเลย
.
.
.
.
.
.
.
“กลับมาแล้ว มาร์ค” แบมแบมตะโกนทันทีที่ถึงคอนโดเพื่อบ่งบอกให้อีกคนรู้ว่าตนนั้นกลับมาแล้วดีหน่อยที่คอนโดนี้ห้องมันเก็บเสียงไม่งั้นเขาคงโดนด่าไปแล้ว
“มาร์ค” ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนเดิมแบมแบมเดินเข้าไปในห้องนอนก็เจออีกคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ลำแขนเรียวแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่กำลังกอดตุ๊กตาจระเข้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กยาวประมาณครึ่งตัวนั้นมันช่างเป็นภาพที่น่ารักเสียจนแบมแบมอดใจไม่ไหวถึงกับต้องถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือจากนั้นแบมแบมถึงไปอาบน้ำ
ใช้เวลาไม่นานแบมแบมก็แต่งตัวแล้วนั่งเป่าผมอย่างช้าๆสายตาทอดมองไปยังคนรักของตนที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับในท่าเดิมผ่านกระจกเงา ร่างเล็กค่อยๆลุกหลังจากที่เป่าผมจนแห้งสนิทแล้วก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆที่มาร์คนอนหลับอยู่โดยมีตุ๊กตาจระเข้กั้นกลางระหว่างเขาทั้งสองคน แบมแบมนอนตะแคงข้างหันหน้าไปทางมาร์คเพื่อมองหน้าของคนรักที่ตนเองนั้นรักสุดหัวใจมือน้อยๆยกขึ้นมาลูบไล้แก้มสากอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ใบหน้าน่ารักยื่นหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากไว้กับหน้าผากคนตรงหน้าเบาๆก่อนจะผละออกมามือก็ยังลูบไล้ใบหน้าอีกคนไม่ยอมหยุด เขาได้แต่คิดว่าถ้าเขาขาดคนนี้ไปเขาจะเป็นยังไงกันนะ

รักคนนี้

มาร์ค ต้วน
.
.
.
.
.
.
.
ดิ๊ง ด่อง
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นทำให้แบมแบมที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าสำหรับเขาและมาร์คต้องหยุดลงและเดินไปเปิดประตู
“ยองแจ!” แบมแบมตกใจเผลอตะโกนเป็นชื่อเพื่อนออกมาเสียงดัง
“ตกใจที่เจอฉันหรือไง ฮ๊า กลิ่นอาหารนี่” ทันทีที่ยองแจทักแบมแบมเสร็จก็เดินเข้าห้องของแบมแบมทันทีโดยที่เจ้าตัวยังไม่ทันได้เชิญเข้ามาเลยด้วยซ้ำแต่ยองแจคิดว่ากลิ่นอาหารนี่แหละคือการเชิญเข้าห้อง
“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันจะมาเลยทำอาหารสองคนพอดีเลย” ยองแจเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะที่ถูกจัดไว้สำหรับสองคนพอดิบพอดีก็เดินเข้าไปนั่งทันทีเตรียมพร้อมกับการทานอาหารเช้า
“ไม่ใช่นะ” แบมแบมที่เห็นเพื่อนไปนั่งที่ของมาร์คก็รีบห้ามทันทีพร้อมกับมือที่หยุดมือของยองแจไว้ก่อนที่ยองแจจะหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารกิน
“อ้าว ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะใคร” ยองแจมองหน้าของแบมแบมอย่างสงสัยพลางมองไปรอบๆห้อง แก้วน้ำปิกาจูคู่ ผ้ากันเปื้อนคู่ จานสองใบที่ใส่อาหารอยู่บนโต๊ะก็จานคู่ แบมแบมอยู่กับใคร?
“แฟนใหม่หรอ?” ยองแจถามออกไปตามที่ตัวเองคิดได้ตอนนี้เพราะของใช้ทุกอย่างคู่หมดเลย
“ปะ...เปล่า..กะ..ก็....คนเดิม” คำตอบของแบมแบมยิ่งทำให้ยองแจงงเข้าไปใหญ่ คนเดิม? มาร์ค?
ยองแจคิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของเพื่อนก่อนจะงง แบมแบมยังไม่ลืมมาร์คอีกหรือไงเพราะของต่างๆที่มาร์คมักจะให้แบมแบมนั้นแบมแบมก็จะเอามาอวดเขาเสมอ รูปถ่ายคู่ของมาร์คกับแบมแบมที่ติดอยู่บนหัวเตียงมากมายนั้นอีกมันเป็นหลักฐานชั้นดีว่าแบมแบมยังไม่ลืมมาร์ค
“ยองแจทำอะไรน่ะ อย่ารบกวนมาร์คนะ” แบมแบมที่พรวดพราดเข้ามาร้องห้ามยองแจทันทีเพราะเกรงว่ายองจะรบกวนมาร์คที่นอนหลับอยู่
“ยังไม่ลืมมาร์คอีกหรอแบมแบม?” คำถามที่ยองแจเปล่งออกมามันทำให้แบมต้องชะงักกึกก่อนจะเงยมองหน้ายองแจอย่างหวั่นใจ
“พูดอะไรน่ะยองแจ ทำไมเราต้องลืมมาร์คด้วยล่ะ” แบมแบมถึงกับงงกับคำถามของยองแจที่ถามออกมา
“มาร์คก็นอนอยู่นั้นไง” แบมแบมชี้ไปยังเตียงที่ไม่มีใครนอนอยู่เลยนอกจากตุ๊กตาจระเข้ยองแจงงหนักเข้าไปอีกเขาไม่รู้ว่าแบมต้องการจะสื่ออะไร หรือว่าแบมเห็นผี
“แบมตรงนั้นมันไม่มีใครนอนอยู่เลยนะ”
“จะไม่มีได้ยังไงยองแจก็มาร์คนอนอยู่ตรงนี้ไง” แบมแบมยังเถียงยองแจอย่างไม่ลดละก่อนจะเดินเข้าไปกอดตุ๊กตาจระเข้แล้วกดจูบเบาๆ
“ขอโทษนะมาร์คที่ยองแจเสียมารยาท”
“มาร์คไม่โกรธนะ” แบมแบมพูดกับตุ๊กตาตัวนั้นก่อนจะค่อยๆบรรจงกอดแล้วหลับตาพริม
“แบมฟังฉันนะ แบม” ยองแจเรียกแบมแบมแต่เจ้าของชื่อกลับไม่สนใจเสียงของยองแจเลยสักนิดยองแจจึงเดินเข้าไปกระชากตุ๊กตาจระเข้ออกมาจากอ้อมกอดของแบมแบม และมันก็ได้ผลแบมแบมเงยหน้ามามองยองแจทันทีด้วยสายตาเกี้ยวโกรธ
“ยองแจจะเอามาร์คไปไหน เอามาร์คคืนมานะ!” น้ำเสียงที่ดูโกรธจัดนั้นไม่ได้ทำให้ยองแจเกรงกลัวแต่อย่างใดแต่กลับเขวี้ยงตุ๊กตาจระเข้ออกไปนอกห้องนอนเป็นผลให้แบมต้องวิ่งตามแต่ก็ไม่ทันยองแจที่วิ่งไปล็อคประตูแล้วเอาตัวเองขว้างประตูไว้
“ยองแจจะทำอะไรน่ะ แล้วมาร์คจะไปไหน มาร์ค!” แบมแบมตะโกนเรียกตุ๊กตาจจระเข้ที่ตนเองใช้แทนตัวของมาร์คพร้อมกับทุบยองแจไปด้วย
“กลับมานะมาร์ค...กลับมา...ฮือออ” พอรู้ตัวเองว่าทุบยองแจยังไงยองแจก็ไม่หลีกทางแบมแบมก็ได้แต่ตะโกนเรียกแล้วบอกคนรักให้กลับมาหาตนพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแรงและทรุดลงไปกับพื้น
ยองแจที่เห็นสภาพเพื่อนร้องไห้ก็ทรุดตัวลงโผเข้ากอดเพื่อนตัวเองทันทีพร้อมกับลูบหลังปลอบคนในอ้อมกอดไปมา
“ฮึก...ฮึก” เสียงสะอื้นที่ยังคงมีให้ได้ยินกับแรงสั่นน้อยๆของแบมแบมนั้นทำให้ยองแจไม่อยากปล่อยอ้อมกอดจากเพื่อนคนนี้ได้เลยแต่เขาก็ผละออกใช้มือเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างใจเย็น
“อึก...ฮึก” แบมแบมเริ่มสงบลงบ้างแล้วยองแจจึงใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าของแบมแบมให้เงยขึ้นมาสบตากับเขา
“ฟังนะแบม มาร์ค-ตาย-แล้ว” ทันทีที่ยองแจพูดจบน้ำตาที่หลุดไหลไปเพียงชั่วครู่ก็กลับมาไหลอีกครั้ง
“ไม่...ไม่”แบมแบมส่ายหน้าไปมาราวกับคนสับสนและไม่เชื่อกับคำบอกเล่าของเพื่อน
“ไม่..ไม่จริง”
“มาร์คยังไม่ตาย...ฮึก”
“มาร์คยังอยู่กับเรา..อึก”
“เมื่อคืนเรานอนกอดกัน...ยองแจอย่ามาแช่งมาร์คนะ..ฮึก” แบมแบมผลักยองแจออกไปพร้อมกับก้าวถอยหลังไปยังปลายเตียง แบมแบมยังไม่ยอมรับความจริง
ความจริงที่ว่า
มาร์คตายไปแล้วเมื่อสามปีก่อนจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
“แบมแต่นี่คือเรื่องจริงมาร์คตายไปแล้ว” ยองแจค่อยๆลุกจากที่แล้วเดินเข้าไปหาแบมแบมที่ตอนนี้นั่งชันแล้วกอดตัวเองเอาไว้อย่างสั่นๆพร้อมกับพึมพำไปมาราวกับคนเสียสติ
“มาร์คยังไม่ตายๆๆๆๆๆๆๆๆ” แบมแบมพึมพำประโยคนี้ไปมาซ้ำๆเพื่อหลอกตัวเองว่ามาร์คคนรักของตนนั้นยังอยู่กับตน
“แบมแบมพอเถอะ มาร์คตายไปแล้วนะ” ยองแจหยุดปลายเท้าตรงหน้าของคนที่ยังคงพึมพำไม่สนใจยองแจเลยสักนิดว่าได้เดินเข้ามาใกล้ตนเองมากแค่ไหน ยองแจค่อยๆเอื้อมมือไปหาแบมแบมที่กำลังสั่นเทาราวลูกนก
เพี๊ยะ
“มาร์คยังไม่ตาย!” แบมแบมปัดมือยองแจออกพร้อมกับตะโกนบอกยองแจก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป
“เห้ย แบมจะไปไหน” ยองแจเมื่อเห็นว่าแบมแบมวิ่งออกจากห้องไปก็รีบวิ่งตามไปทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะแบมแบมหายตัวไปเสียแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
“มาร์คแบมขอโทษนะ” ร่างเล็กของแบมแบมนั่งหันหลังให้กับถนนแล้วคุยกับตุ๊กตาจระเข้ที่ริมสะพานแบมแบมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนไม่รู้ว่ามันคือสถานที่เดียวกับที่มาร์คประสบอุบัติเหตุตาย
“ยองแจนิสัยไม่ดีเลยเสียมารยาทกับมาร์ค” แบมแบมยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน
“มาร์ครักแบมมั้ย” ความเงียบคือคำตอบแต่แบมแบมก็เข้าใจเอาเองว่ามาร์ครักตนเหมือนกับที่ผ่านๆมา
“ตอนนี้เราอยู่ที่นี่คงไม่มีใครมาทำอะไรเราได้หรอก”
“มาร์คชอบที่นี่หรอถึงได้ชวนแบมมาที่นี่”
“มาร์ค..แบมรักมะ..อึก” แรงกอดรัดและดึงจากทางด้านหลังทำให้คำพูดของแบมแบมขาดหายไปแบมแบมเงยหน้ามองดูคนที่ทำแบบนี้กับเขาทันที ชายฉกรรจ์สามคนที่มาจับตัวเขา
“แกเป็นใครปล่อยนะ...มาร์คช่วยแบมด้วย” แบมแบมดิ้นรนขัดขืนไม่ยอมแต่ก็สู้ชายที่จับแขนเขาล็อคไม่ได้
“จะเอามาร์คไปไหนน่ะ เอาคืนมานะ” แบมแบมร้องออกมาทันทีเมื่อมีชายคนนึงดึงตุ๊กตาจระเข้ออกไปจากตัวเขา
“มาร์คอย่าไปนะ...มาร์คกลับมา...มาร์ค!” แบมแบมยังคนดิ้นรนเพื่อที่จะไปหามาร์คแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนผลของมันก็เท่ากับศูนย์
“มาร์คกลับมา...มาร์ค..อย่าไป..นะ” เสียงของแบมแบมค่อยๆหายแผ่วลงๆเนื่องจากมีชายอีกคนเข้ามาโปะยาสลบให้แก่เขาจากนั้นสติของเขาก็ดับวูบไป
.
.
.
.
.
.
.
“อาการของคนไข้เรียกได้ว่าค่อนข้างแย่นะครับ คนไข้ไม่ยอมรับความจริงกับเรื่องที่กระทบจิตใจตัวเองมากๆจึงเกิดการหลอกตัวเอง”
ยองแจมองไม่ยังแบมแบมที่อยู่ในห้องร่างเล็กกอดตุ๊กตาจระเข้เอาไว้แน่นสายตามองไปมองมารอบๆราวกับว่ากลัวใครจะมาเอาตุ๊กตาจระเข้ไปก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มแย้มให้กับตุ๊กตาแล้วก็เริ่มพูดคนเดียวอีกครั้ง
เขาไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะเป็นได้ขนาดนี้หลังจากมาร์คตายแบมแบมก็ร้องไห้เสียใจเป็นเดือนๆแต่พอวันนึงแบมแบมกลับเป็นอย่างปกติทุกอย่างเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเขาก็ไม่ได้เอะใจอะไรสามปีที่ผ่านมาเขาต้องไปอยุ่ต่างจังหวัดนานๆครั้งจะมาแบมแบมเขาไม่คยได้เข้าห้องแบมอีกเลยมีแต่แบมแบมที่ออกมาหาเขามันทำให้เขาละเลยแบมแบมไป


ขอโทษนะแบมแบมฉันเสียใจ

______________________________________________________________________
ไรท์ยังแต่งให้เข้าถึงอารมณ์ยังไม่ได้ ไม่ว่ากันนะ
เรื่องนี้ได้เรื่องบันดาลใจมาจากเพื่อนของไรท์เอง
เพื่อนแต่งฟิคให้อ่านแล้วไรท์สงสารตัวละครมากแต่มีฉากหนึ่งไรท์ชอบมาก
เลยกลายเป็นเรื่องนี้ออกมา
ไรท์ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้หรอกนะ ก็มั่วๆเอาอย่าถือสากันเลยนะ

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พลาด JinSon [2]








พลาด JinSon



“อ้าว คุณแจ็คสันวันนี้มาสายกว่าปกตินะคะ” หญิงสาวตรงหน้าทกทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง แต่ว่านะผมไม่อารมณ์จะทักกลับเท่าไหร่เลย
“เห็นยูคยอมมั้ยครับวันนี้เขามาทำงานมั้ย” หญิงสาวตรงหน้าผมหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปทางทางนึง
“ห้องเก็บเอกสารค่ะ” ผมโค้งหัวให้เธอก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องเก็บเอกสาร ผมแค่ข้องใจเรื่องเมื่อวานว่าทำไมยูคกลับไปก่อนแล้วทำไมบอสถึงมาหาผมที่ห้องทั้งๆที่ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะมาที่ห้องผมเท่าไหร่ แล้วไหนจะคำพูดเมื่อคืนนั่นอีก      อย่าร้องไห้อีกนะ ฉันรักนายแจ็คสัน    ผมดีใจมากที่บอสเอ่ยคำว่ารักออกมาตอนที่เรานอนกอดกันแต่ว่าบอสรู้ได้ยังไงว่าผมร้องไห้ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าบอสหรือใครอื่นเลยนอกจากเด็กยักษ์ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็จะเก็บมันไว้ในใจเพราะผมรักเขามากเลยไม่อยากให้เป็นคนอ่อนแอในสายตาของเขาและคนอื่น และมันช่างเป็นการกระทำที่โง่มากที่ทำให้ใครๆก็คิดว่าผมน่ะเข้มแข็งและไม่ต้องการคนปลอบใจ
“คยอมมี่” ทันทีที่ผมเรียกเด็กยักษ์นั่นก็สะดุ้งทันทีราวกับว่าเสียงผมเป็นเสียงผีอย่างนั้นแหละ แต่ว่าเด็กยักษ์นี่ก็ไม่ได้หันมามองผมเขายืนหันหลังให้ผมมือก็ไล่หาแฟ้มงาน
“ทำไมเมื่อวานถึงกลับห้องไปก่อนล่ะ” ร่างสูงของเด็กยักษ์ชะงักนิดหน่อยก่อนจะทำตัวเหมือนปกติแต่ผมก็เห็นมันอยู่ดีแหละนะ ผมเดินไปประชิดตัวเด็กยักษ์จับไหล่แล้วดันให้เด็กยักษ์นั่นหันหน้ามามองผม เด็กยักษ์ก้มหน้าลงไม่พูดอะไรออกมา ผมก็ไม่พูดเหมือนกันแต่จ้องหน้าเด็กยักษ์นั่นแทน ผมเห็นเขาทำปากขมุบขมิบเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“ตัวจริงของพี่มาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องอยู่ต่อ” น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนน้อยใจเปล่งออกมากับประโยคที่ฟังยังไงก็น้อยใจชัวร์ๆ น่ารักจริงนะ ยูคยอมเนี่ย
พรึ่บ!
 ผมสวมกอดเด็กยักษ์ที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมาสักทีใช้มือข้างนึงจับหัวเด็กนี่เข้ามาซบอกมืออีกข้างก็ลูบหลังเด็กนี่ไปด้วย เด็กยักษ์ก็ยอมให้ผมกอดแต่โดยดีไม่ขัดขืนใดๆ ผมกอดโยกหัวเด็กนี่ไปมาเพื่อให้หายน้อยใจ
“ผมชอบพี่นะ ตั้งแต่แรก” ผมชะงักมือที่กำลังลูบหลังเด็กยักษ์เล็กน้อยแต่ก็กลับมาลูบต่อโดยไม่พูดอะไรเราทั้งสองกอดกันอยู่นานและผมก็คิดว่าเราทั้งสองคนควรกลับไปทำงานได้แล้ว นี่ก็ออกมานานแล้วด้วย
“ไปทำงานกัน” ผมเอื้อมมือไปจับมือของอีกคนพร้อมกับดึงอีกคนให้เดินตามมา เด็กยักษ์ก็เดินตามมาอย่างว่าง่ายแล้วดึงมือผมออกทันทีที่ออกจากห้องเก็บเอกสาร เราทั้งสองเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเอง ผมต้องเริ่มทำงานแล้วล่ะ
“คุณแจ็คสันคะ ฉันมีข่าวดีจะบอกค่ะ” ทำงานได้ยังไม่นานนักผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่เรียกผมพร้อมกับทำท่ากระซิบเหมือนกลัวใครจะได้ยิน
“ข่าวดีอะไรหรอครับ” นี่ทำให้ผมประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ข่าวดีที่ว่านั้นจะเป็นการเพิ่มโบนัสปลายปีรึเปล่านะ
“บอสกำลังจะแต่งงานค่ะ”
บอสกำลังจะแต่งงานค่ะ
บอสกำลังจะแต่งงานค่ะ
บอสกำลังจะแต่งงานค่ะ
บอสกำลังจะแต่งงานค่ะ
นี่มันอะไรกัน แต่งงานอะไรกัน ไหนบอสบอกจะถอนหมั้นแล้วแต่งงานนี่มาได้ไง แต่งกับใคร?
คุณโซยอง
ผมไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็นเธอแต่ว่าชื่อแรกที่เข้ามาในหัวก็คือเธอคนเดียวเท่านั้น
“เอ่อ คุณมินจีครับช่วยลางานให้ผมที ผมรู้สึกปวดหัวแปลกๆขอตัวกลับก่อนนะครับ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นทันทีเวลานี้ ตอนนี้ผมต้องรีบกลับคอนโดตัวเองให้เร็วที่สุดก่อนที่ผมจะกลั้นมันไม่อยู่บางสิ่งที่มันกำลังเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของผม ผมไม่อยากให้ใครเห็นมันแค่เด็กยักษ์นั่นก็เกินพอแล้ว

ติ๊ง!
ใครไลน์มาตอนนี้นะ ไม่มีอารมณ์จะดูเลยจริงๆถึงจะคิดแบบนั้นแต่ผมก็หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ
KimYG
พี่แจ็คสันเปิดประตูให้ผมหน่อยสิ 18.21 อ่านแล้ว
ผมเห็นข้อความนั่นผมก็รีบเดินไปเปิดประตู ทันทีที่คนตรงหน้าเห็นผมเขาก็โถมร่างกายเข้าหาพร้อมกับกอดผมไว้แน่น เด็กยักษ์ดันตัวผมให้เข้าไปในห้องก่อนที่ตัวเองจะแทรกตัวเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตู ร่างสูงไม่พูดจาอะไรแต่กลับดึงผมให้เดินไปที่โซฟาห้องรับแขกแล้วก็นั่งลงบนโซฟาก่อนจะดึงผมให้นั่งลงไปตามเขาจากนั้นเขาก็กอดผมต่อ และผมก็กอดตอบเขาอย่างโดยดี
“กินข้าวรึยัง” เด็กยักษ์ถามผมทั้งๆที่ยังคงกอดผมอยู่ไม่ได้ปล่อยมือออกจากตัวผมแต่อย่างใด
“ยัง” ผมตอบพลางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเด็กยักษ์ ผมแค่เมื่อย
“อยากกินอะไรมั้ย” ผมส่ายหน้าปฏิเสธเพราะตอนนี้ผมยังไม่อยากกินอะไรจริงๆ มือของเด็กยักษ์ยื่นมาสัมผัสตรงแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ลูบไล้ขอบตาที่บวมจากการร้องไห้ของผมเบาๆ
“เจ็บมากมั้ยครับ” เด็กยักษ์ถามผมแววตาที่มองมานั้นมันดูเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บปวดเหมือนกับผม ผมรู้ว่าเขาเจ็บปวดเรื่องอะไร ผมรู้ว่าเขาชอบผม และผมก็รู้ว่าผมไม่ควรให้ความหวังเขาผมควรที่จะบอกออกไปให้ชัดเจนว่าผมคิดกับเขาแค่พี่น้องไม่ได้คิดแบบคนรักแต่ผมก็พูดแบบนั้นได้ไม่เต็มปากเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าผมรักเขารึเปล่าแต่ผมก็ขาดเขาไม่ได้เช่นกัน ผมรู้ว่านี่มันเห็นแก่ตัวแต่ผมก็ยังจะทำมัน
“เป็นผมไม่ได้หรอ” แววตาที่สั่นระริกเหมือนกำลังรอเวลาที่จะร้องไห้ออกมา ใบหน้าของเขาที่แสดงอยู่ตอนนี้มันทำให้ผมถึงกับร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมร้องไห้ให้เขาไม่ได้ร้องให้บอส
“อย่า...ระ...ร้อง” เด็กยักษ์เช็ดน้ำตาผมออกพร้อมกับบอกไม่ให้ผมร้องแต่ตัวเองกลับร้องซะอย่างนั้น เด็กนี่มันเด็กจริงๆ ผมโผตัวเข้าไปกอดเด็กยักษ์ไว้เราทั้งสองคนร้องไห้กันอย่างเงียบๆเหมือนระบายสิ่งที่เจ็บปวดภายในใจที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่มันจะช่วยให้เราทั้งสองดีขึ้น
“ผมรักพี่นะ พี่แจ็คสัน” ร่างสูงที่โอบกอดผมอยู่พูดเสียงอู้อี้หลังจากที่ผ่านการร้องไห้มาด้วยกัน ช่างน่าอายจริงๆ
“ผมจะดูแลพี่อย่างดีจนกว่าผมจะตายหรือพี่ไม่ต้องการผม แต่ถึงพี่จะไม่ต้องการผมผมก็ยังจะดูแลพี่อยู่ดี” เด็กยักษ์ดันผมออกก่อนจะมองหน้าของผม มือทั้งสองข้างของเขาถูกยกขึ้นมาประคองใบหน้าของผมให้มองแค่เขา สายตาของเด็กยักษ์ที่มองมาสายตาที่กำลังจะบอกผมว่ารักมาก ขาดผมไม่ได้ สายตาที่มองผมอย่างอ่อนโยนและทนุถนอม สายตาที่อบอุ่น ทุกอย่างมันรวมอยู่ที่ตัวเขา
ผมโอบกอดเขาไว้พลางเอาหน้าซุกลงบนอกของเขา เด็กยักษ์ก็กอดตอบผมเหมือนกัน
“ขอโทษนะ พี่รักเขา” ผมบอกไปแบบนั้นแต่หน้าของผมก็ยังคงซุกกับอกของเขาอยู่ผมกอดเขาแน่นขึ้นป้องกันไม่ให้เขาเดินหนีผม
“แต่พี่ก็ปล่อยเราไปไม่ได้เหมือนกัน” ผมเงยหน้าจากอกของเขาแววตาที่ดูเป็นประกายหลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นนี่มันอะไรกัน ประโยคที่ดูเห็นแก่ตัวแบบนี้ ทำไมถึงยังทำหน้ามีความหวังได้ล่ะ
“แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ” เด็กยักษ์ยิ้มออกมาดูเหมือนจะมีความสุขเขามองหน้าผมนิ่ง เราสบตากันไม่มีใครที่คิดจะหลบตาก่อนแล้วเหมือนว่าตอนนี้แรงดึงดูดของผมหรือว่าของเราทั้งคู่กันแน่ที่ทำให้หน้าของเราทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆจนจมูกของเราชนกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนร่างกายมันไปก่อนที่สมองจะสั่งการใดๆออกมา สัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากมันช่างนุ่มนวล อ่อนหวาน อะไรอย่างนี้นะ ผมเปิดปากตัวเองเล็กน้อยเพื่อให้ลิ้นอุ่นชื้นของอีกคนเข้ามาในโพรงปากของผมได้ ลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดลิ้นของผมไปมาไล่ต้อนให้ผมจนมุมและหยอกล้อให้ผมโต้ตอบลิ้นของเขาและผมก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธมัน
“ผมขอนะ” เด็กยักษ์ถอนจูบออกก่อนจะเลื่อนไปที่ใบหูผมพร้อมกับกระซิบเบาๆข้างหูผม ประโยคที่ขอกันด้านๆมันไม่ได้ทำให้ผมปฏิเสธแต่อย่างใดแต่มันกลับทำให้ผมอ่อนระทวยและยอมลงไปตามแรงกดที่บ่าอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงยอมเด็กยักษ์นี่แต่ร่างกายของผมไม่ได้ปฏิเสธเขาเหมือนกับร่างกายของผมที่ไม่ปฏิเสธบอสเช่นกันร่างกายของผมไม่ได้ปฏิเสธสองคนนี้ แต่มันกลับยอมเสียง่ายๆ

 “อื้อ...ยู...ค...อ๊า”




ขอโทษนะจินยอง ผมไม่ได้เป็นของคุณคนเดียวอีกแล้ว


………………………………………………



“เที่ยวทะเลกันดีมั้ยครับ” เสียงเอ่ยชวนดังขึ้นในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งที่มีผมเป็นคนชวนและอีกฝ่ายที่เป็นคนถูกชวน
“นายอยากไปหรอ ก็ดีนะ” บอสเอ่ยประโยคนั้นออกมาพร้อมกับโอบกอดผมไว้ทางด้านหลัง ผมพลิกตัวหันมายิ้มให้บอสก่อนจะประทับริมฝีปากของผมบนริมฝีปากของบอสเบาๆหนึ่งที ผมแค่อยากสัมผัสเขา
“แค่เราสองคนนะครับ” บอสยิ้มทันทีที่ผมพูดจบประโยค บอสดูพอใจมากกับประโยคนั้นเสียด้วยสิ การไปเที่ยวทะเลครั้งนี้มันจะมีแค่เราสองคน สองคนเท่านั้น


“บอสครับรีบเดินสิ” ผมกวักมือเรียกบอสที่เดินอืดอาดยืดยาดเหมือนซอมบี้อย่างไงอย่างั้น มาเที่ยวทะเลทำตัวแบบนี้ได้ไง
“จะรีบไปไหน น้ำตกมันไม่หายไปไหนหรอกหน่าแจ็คสัน” บอสว่าพลางเดินเหมือนซอมบี้เหมือนเดิม ทำไมล่ะบอสไม่สนุกที่มาเที่ยวกับผมรึไง
“ก็ผมอยากไปถึงเร็วๆนี่” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะเดินกลับไปจับมือบอสแล้วดึงให้มายืนข้างกัน แล้วจับมือเขาให้มาโอบเอวผมไว้จากนั้นผมก็เอามือของตัวเองทาบมือเขาที่โอบเอวผมอยู่อีกที
“ทำไมวันนี้อ้อนจัง หืม” ร่างสูงตรงหน้าผมว่าแล้วหันมายิ้มให้ผมก่อนจะจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากแล้วเราทั้งสองก็เดินไปดูน้ำตกกัน ผมมาทะเลก็จริงนะแต่ว่าเขาว่าน้ำตกที่เกาะนี้สวยมากผมเลยมาดูก่อนส่วนทะเลผมไม่ชอบเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่ส่วนมากแค่เดินริมชายหาดแค่ให้เท้าสัมผัสทรายกับน้ำทะเลก็พอแล้ว ถึงใครจะบอกว่ามาทะเลไม่คุ้มแต่สำหรับแค่นี้มันกำลังพอดีเลยล่ะ
หลังจากที่เราเที่ยวเล่นกันทั้งวันผมเหนื่อยมากและเหนียวตัวมากๆด้วยต้องอาบน้ำที่เหนียวก็เพราะบอสจับผมทุ่มลงน้ำทะเลน่ะสิผมบอกแล้วว่าไม่เล่น แต่ก็โดนทุ่มอยู่ดี บอสนิสัยไม่ดีจริงๆเลย
ผมเดินออกมานั่งตรงริมระเบียงสายลมพัดที่หอบกลิ่นทะเลติดมาด้วยนี่มันรู้สึกดีจริงๆ วันนี้แล้วสินะที่ผมควรจะถามเขาไปตรงๆซักทีว่าจริงๆแล้วความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหน ผมคิดไว้แล้วตั้งแต่อยู่คอนโดผมควรจะเลิกได้แล้ว ผมไม่ควรยุ่งกับคนที่มีคู่หมั้นแล้ว ผมรู้ว่านี่มันคือสิ่งที่ควรทำมากที่สุดแต่ก็ไม่ทำปล่อยให้มันเกิดขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเลย ทำไมหน้าด้านได้ขนาดนี้นะ คิดแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้มเยาะให้กับตัวเอง น่าสมเพชสิ้นดี
“มาทำอะไรตรงนี้” เสียงที่ดังจากข้างหลังพร้อมกับมือที่เอือมมาวางไว้ที่พุงมันทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์
ผมไม่ตอบแต่กลับลากอีกคนให้มานั่งที่เก้าอี้นอนตรงระเบียงแทน พอผมดันไหล่ให้ไหล่บอสเอนพิงกับพนักพิงแล้วผมจึงเอนตัวนอนทาบทับบนอกเขาอีกที ตอนนี้เราอยู่ในท่าที่บอสนอนอยู่ข้างล่างแล้วผมก็นอนทับข้างบนหัวผมซบกับอกบอสอีกทีเรากอดกัน มันช่างอบอุ่นซะจริง แค่นี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากแล้ว
“ผมรักบอสนะ” รักมากจนไม่อยากจากไปไหนเลย ไม่เลยซักวินาทีเดียว
“ฉันรู้” บอสวางมือไว้บนหัวผมพร้อมกับลูบไปมา ผมรู้สึกเหมือนลูกหมาที่ถูกเจ้านายกำลังกล่อมให้นอนหลับ
“แล้วบอสล่ะ...รักผมมั้ย” ที่ถามแบบนี้ผมก็แค่สร้างความมั่นใจให้ตัวเองก็เท่านั้น
“มาก...ที่สุด” แค่นี้ก็ดีกับใจแล้ว ผมยืดตัวขึ้นไปประทับริมฝีปากของคนใต้ร่างอย่างแผ่วเบาก่อนจะกลับลงมาซบอกของบอสต่อ
“แต่ว่า...บอสกำลังจะแต่งงาน” พูดเองเจ็บเองแหะ ไม่รู้ว่าจะพูดตอกย้ำตัวเองทำไมนะผมนี่คงจะชอบความเจ็บปวดเสียจริง
“ฉันแค่ทำเพื่อให้พ่อแม่สบายใจเท่านั้น แต่งไปไม่นานฉันก็จะหย่า รอฉันได้มั้ย” ร่างสูงใต้ร่างกำชับอ้อมกอดที่กอดผมแน่นเหมือนจะสัญญากับผมผ่านอ้อมกอดนี้
“บอสไม่ได้รักเธอใช่มั้ย” ผมแค่อยากให้แน่ใจเท่านั้นผมกลัวใจเขาเหลือเกินกลัวว่าระหว่างที่เขาอยู่กับเธอในระยะเวลาไม่นานที่บอสบอกจะหย่าบอสอาจจะหลงรักเธอก็เป็นได้ผู้ชายกับผู้หญิงยังไงมันก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง
“ไม่มีทาง...ฉันรักนายมากนะ....ฉันเป็นของนายนะรู้มั้ยแจ็คสันและนายก็เป็นของฉันเช่นกัน” คำตอบของบอสมันทำให้ผมรู้สึกปวดแก้มอย่างบอกไม่ถูกนี่ผมไม่ได้ยิ้มมากขนาดนั้นนะ
“บอสเป็นของผม...” แค่ประโยคนี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแค่บอสพูดแค่นี้มันก็ทำให้ผมคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเลิกกับเขาแล้วล่ะครับ ไม่รู้สิ ผมรักเขามากจนไม่อยากปล่อยเขาไปจริงๆ
“อากาศเย็นมากแล้ว เข้าห้องกันเถอะ” บอสยันตัวลุกมันจึงทำให้ผมลุกขึ้นตามทันทีที่บอสยืนขึ้นผมก็รีบเข้าไปกอดเอวบอสทันที ผมรักคนนี้ผมอยากอ้อนเขาแบบนี้มานานแล้วอยากอ้อนแบบเปิดเผยแต่ก็ทำไม่ได้และนี่มันก็เป็นโอกาสที่ผมควรจะคว้ามันไว้และเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด
ทันทีที่เข้ามาในห้องนอนผมก็ผลักร่างสูงให้นอนแผ่ลงไปกับเตียงล้วขึ้นไปคร่อมบนตัวของเขาไว้
“วันนี้ร้อนแรงจังนะ” ว่าแล้วบอสก็ยื่นมือมาเพื่อที่จะสัมผัสใบหน้าของผมแต่ผมกลับเร็วกว่าคว้ามือของบอสแล้วนำมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ชูแขนของเขาขึ้นไปเหนือหัวก่อนจะนำผ้าที่ผมเตรียมไว้มามัดที่ข้อมือของเขาทั้งสองข้าง
“เล่นอะไรน่ะ แจ็คสัน ชอบแบบนี้หรอ” ร่างสูงตรงหน้าผมพูดออกมายิ้มๆแล้วก็นอนรอดูว่าผมจะทำอะไรต่อ
“ไม่ได้ชอบแบบนี้ แต่ชอบนยอง” ผมก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของบอสอย่างแผ่วเบาก่อนขบเม้มติ่งหูนั่นเหมือนที่บอสเคยทำกับผมทุกครั้ง และดูเหมือนว่ามันทำให้บอสพอใจอยู่ไม่น้อย ผมยันตัวขึ้นแต่ก็นั่งทับบนตัวของบอสอยู่ดี
“อื้อ...” แค่ช่วงล่างเราเสียดสีกันมันก็ทำให้ผมเสียวและมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว
“มาเล่นอะไรที่มันสนุกๆกันดีกว่าครับ” ว่าแล้วผมก็ผละออกจากตัวของบอสทันทีก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบผ้าสีดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวพอที่จะปิดตาได้แล้วเดินกลับมาหาใครบางคนที่นอนรออยู่ที่เตียง ผมคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมร่างสูงที่นอนรออีกครั้ง ทันทีที่ร่างสูงเห็นผ้าในมือของผมก็ทำสีหน้างงนิดหน่อย
“จะทำอะไรน่ะแจ็คสัน” ร่างสูงส่ายหน้าไม่ยอมให้ผมนำผ้าไปปิดตาของเขา แต่ว่านะจินยองงี่คุณไม่รอดหรอกนะ ผมก้มลงไปประกบปากกับเขาอย่างแผ่วเบาค่อยๆบดขยี้ริมฝีปากของคนใต้ร่างขบเม้มริมฝีปากล่างเบาเพื่อให้เขาเปิดปากออกมา และเหมือนคนใต้ร่ารงจะให้ความร่วมมืออย่างดีซะด้วย
“อ่า” ลิ้นร้อนของบอกเกี่ยวตวัดกับลิ้นของผมไปมาเราทั้งสองดูดดุนลิ้นกันจนทำให้เกิดเสียงครางอันน่าอายขึ้นมาแต่นาทีนี้ใครจะสนกันยิ่งเกิดเสียงมันก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์มากขึ้นไปอีก ผมผละออกจากจูบอย่างอ้อยอิ่งน้ำใสไหลย้อยออกมาจากปากของสองเราเล็กน้อย ผมเลยต้องก้มลงไปเก็บน้ำใสนั่นเข้าปากของเจ้าของมันเหมือนเดิม
“อืม” ผมผละออกจากบอสอีกรอบก่อนจะพรมจูบเขาไปทั่วใบหน้าแล้วค่อยๆไล่ไปทางใบหูของเขา
“ผมแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง นยองทำให้ผมได้มั้ย” ผมกระซิบเสียงพร่าขบเม้มติ่งหูของอีกคนให้คนใต้ร่างรู้สึกดี ร่างข้างใต้ผมไม่ได้ตอบรับคำขอ ผมจะถือว่าเขาตอบตกลงแล้วกัน
ผมนำผ้าที่ถืออยู่มาผูกปิดตาบอสและเขาก็ยอมผมอย่างว่าง่าย ผมแค่ไม่อยากให้เขาเห็นผมตอนนี้เท่านั้นเอง ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมทำหน้าแบบไหน ถึงเขาจะเคยเห็นมันมาก่อนแล้วก็ตามที ผมอยากทำให้เขามีความสุขที่สุดเท่าที่ตัวผมจะทำได้ เพราะรัก...
ผมก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากหนาที่เผยอเชิญชวนให้ผมลิ้มลองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนิมฝีปากอ่อนนุ่มที่ไม่ว่าจะชิมเท่าไหร่ก็ไม่พอซักทีกับคนคนนี้ไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยพอสำหรับผม บอสขบเม้มริมฝีปากล่างของผมเบาๆเพื่อเป็นการบอกให้ผมเปิดปากออกและผมก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดหยอกล้อปัดป้ายไปมาในโพรงปากของผม เราจูบกันเนินนานไม่มีใครยอมผละออกก่อนเหมือนกลัวว่าริมฝีปากของคนตรงหน้านี้มันจะหายไปถ้าถอนจูบออก แต่สุดท้ายผมก็เป็นคนผละออกก่อนอยู่ดี จากนั้นก็เริ่มจูบแก้มเขาทั้งสองข้างเลื่อนไปที่ใบหูก่อนจะลงมาเรื่อยจนถึงซอกคอผมจูบแผ่วเบาเท่านั้นไม่ได้ขบเม้มแต่อย่างใดเพราะผมไม่ชอบสร้างรอยไว้ตรงนี้เท่าไหร่ ปากผมยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีคลอเคลียแถวซอกคอของบอสไม่ให้ไปไหนจูบซ้ำๆมันอยู่อย่างนั้น มือข้างนึงของผมก็ค่อยๆเลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆลูบไล้ไปตามแผงอกขาวของบอสแล้วผมก็ต้องชะงักกับบางอย่างที่โป่งพองอยู่กลางลำตัวของบอสมันกำลังบอกให้รู้ว่าบอสมีอารมณ์แล้ว ผมจับสิ่งนั้นผ่านเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ถอดลูบไล้ไปมาเบาๆก่อนจะออกแรงบีบที่มือมากขึ้น
“อืม...กากา” เสียงครางที่บ่งบอกว่าบอสกำลังพอใจ ผมเลิกเสื้อของบอสขึ้นไปกองที่ข้อมือของบอสที่มัดกับหัวเตียงและจัดการถอดกางเกงของบอสออกให้เหลือเพียงชั้นในตัวเดียวแล้วจัดการถอดของตัวเองออกจนหมดไม่เหลืออะไรเลยบนร่างกาย ผมค่อยๆคลานไปบนเตียงและคร่อมคนที่นอนรอผมอยู่แล้ว ผมนั่งบนตัวของบอสช่องทางคับแคบของผมเสียดสีแกนกลางลำตัวของบอสเบาๆความเสียวที่แล่นขึ้นมาทำเอาผมต้องเหยียดตัวตรงร่างกายมันบอกให้ผมเพิ่มแรงบดเบียดลงไปหนักๆ ผมโน้มตัวลงมาประกบปากกับคนใต้ร่างอย่างดูดดื่มเราดูดดุนลิ้นกันไปมาจนเกิดเสียงน่าอายออกมาและนั่นมันยิ่งปลุกอารมณ์ของผมได้เป็นอย่างดี ผมผละออกจากปากของบอสก่อนจะเลื่อนลงมายังแผ่นอกขาวที่อยู่ตรงหน้าผมเริ่มแลบลิ้นออกมาสัมผัสตุ่มไตสีสวยนั่น เลียเบาๆผมทำทุกอย่างเหมือนที่บอสเคยทำให้ผม ลิ้นร้อนเลียวนรอบเม็ดบัวบนอกก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นเขี่ยดูดดันเม็ดนั่นไปมามือที่ยังว่างของผมเลื่อนลงต่ำสัมผัสแกนกลางลำตัวของบอสที่ดูเหมือนว่ามันเริ่มจะหายใจไม่ออกผมต้องช่วยให้มันออกมาหายใจข้างนอกชั้นใน คิดได้ดังนั้นผมจึงจัดการดึงชั้นในของบอสออกทั้งๆที่ปากของผมก็ยังคงทำหน้าที่บนยอดอกของบอสไม่ได้ผละออกแต่อย่างใด ผมผละออกจากอกของบอสก่อนจะย้ายร่างของตัวเองมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาของบอสและนำมือทั้งสองข้างกอบกุมแท่งเนื้อร้อนที่แข็งสู้มือรูดขึ้นลงไปมาอย่างช้าๆ
“อ่า...ดี” เสียงครางของบอสก็เหมือนเป็นคำชมให้กับผม ผมดีใจทุกครั้งที่เขาชมและผมก็อยากให้เขาชมผมบ่อยๆ แค่เสียงครางของบอสทำให้แกนกลางลำตัวรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาซะแล้ว
ผมก้มหน้าลงครอบครองแท่งเนื้อร้อนไว้ในโพรงปากก่อนจะเริ่มเลียรอบส่วนปลายวนไปวนมาซ้ำๆและดูดกลืนมันไปทั้งแท่งความใหญ่โตของมันทำให้ผมรู้สึกปวดกรามนิดๆ ผมเริ่มขยับหัวของตัวเองเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆเนิบๆและค่อยๆเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ
“อ่าส์..กากา” บอสครางเสียวทันทีที่ผมเร่งจังหวะประกอบกับที่ฟันของผมครูดเข้ากับแท่งเนื้อร้อนเบาๆด้วยมั้งถึงทำให้บอสครางออกมาแบบนี้
“กากา..ฉันอยากสัมผัสนาย..อ่า” ผมเร่งจังหวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ น้ำสีขาวขุ่นของบอสปล่อยก็ปล่อยออกมาเต็มปากของผม ผมคายมันออกมาผมไม่ได้รังเกียจหรืออะไรแค่จะใช้มันหล่อลื่นเท่านั้นเอง ผมคลานขึ้นมาคร่อมตัวบอสอีกครั้งและจัดการป้ายน้ำสีขาวขุ่นของบอสลงช่องทางคับแคบก่อนจะใช้นิ้ววนรอบกลีบนั่นกดเน้นย้ำเบาๆให้รู้สึกเสียว
“อ่า...อืออ” ผมครางออกมาเบาๆเพื่อให้บอสได้ยิน นิ้วของผมเริ่มสอดแทรกเข้าไปแล้วหนึ่งนิ้วผมต้องเบิกทางให้ตัวเองก่อนประสบการณ์ครั้งก่อนๆมันสอนผม
“นยอง...อ่า” ผมยื่นใบหน้าเข้าใกล้หูของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างแล้วครางแผ่วเบายามที่นิ้วที่สองเริ่มเข้าไปด้านในและขยับเข้าออก ปฏิกิริยาตอบสนองของบอสมันทำให้ผมรู้สึกอยากแกล้งบอสขึ้นมา
“อ๊ะ...อ๊า..อ๊า....นยอง” แรงดิ้นของบอสที่พยายามดึงมือตัวเองออกจากผ้าที่ผมมัดไว้ ทันทีที่ได้ยินเสียงครางของผม
“กากา...แก้มัดให้ฉันที” คำร้องขอของบอสมันช่างน่ารักจริงๆเลย
“อือ...นยอง..อ๊า” นิ้วของผมยังทำหน้าดึงเข้าดึงออกได้เป็นอย่างดีสร้างความเสียวให้ผมได้ไม่น้อยแต่มันก็น้อยกว่าของจริงอยู่ดีละนะ ผมเลื่อนมือไปจับแท่งเนื้อร้อนของอีกคนที่ตอนนี้แข็งขึ้นมาอีกรอบแล้ว รูดขึ้นลงไปมาเบาๆเพื่อเตรียมความพร้อม ผมจับแท่งเนื้อร้อนให้ตรงกับช่องทางคับแคบนั่นก่อนที่จะกดลงไปเบาๆ  ”อ๊ะ” เข้าได้เพียงส่วนหัวมันก็ทำผมเสียวจนแข้งขาสั่นไปหมดแล้ว ผมค่อยๆผ่อนลมหายใจแล้วดูดกลืนความใหญ่โตของบอสจนมิดด้าม ผมนั่งแช่ไว้อย่างนั้นปรับสภาพตัวเองให้คุ้นชินแล้วเริ่มขยับอย่างช้าๆ
“อ๊า..นยอง” ทันทีที่ผมครางชื่อเขาออกมา บอสก็เริ่มจะอยู่ไม่สุขเริ่มออกแรงที่ข้อมืออีกครั้งทั้งๆที่รู้ว่ามันคงไม่หลุดออกมาง่ายๆ ผมขยับขึ้นลงอย่างเร็วตามแรงปรารถนาเน้นย้ำทุกสัมผัสทุกแรงกระแทกที่กระแทกลงไปซ้ำๆ ย้ำเตือนตัวเองทำให้ดีที่สุดก่อนที่มันจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
“อ๊ะ..นยอง..อ๊า...น..ยอง” แรงกระแทกจากด้านล่างทำให้ผมรู้ว่าบอสเริ่มทนไม่ไหวสวนสะโพกขึ้นมาขณะที่ผมกำลังกดสะโพกลงไปพอดี
“อ๊ะ..อ๊ะ...อ่า” ผมเริ่มที่จะหยุดขยับและปล่อยให้คนใต้ร่างเป็นคนขยับแทน
“อ๊า...นยอง..อื้อ” ไม่มีแม้แต่แรงที่จะขยับกายได้แต่ใช้มือค้ำยันที่หน้าอกของบอสเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียการทรงตัว ผมโน้มใบหน้าของตัวเองลงมายังแผ่นอกขาวก่อนจะประทับริมฝีปากแผ่วเบาลงบนแผ่นอกตำแหน่งเดียวกับที่หัวใจของคนใต้ร่างอยู่ จูบมันย้ำๆซ้ำๆเม้มปากดูดมันให้เกิดรอยกลีบปากของผมขึ้นมาผมแค่อยากให้เขารู้ว่าผมรักเขามาก มากมายเหลือเกิน ผมไม่อยากปล่อยเขาไปไม่อยากให้เขาเป็นของใครนอกจากผมคนเดียวแต่มันคงทำไม่ได้สิ่งที่ผมทำได้ก็คงทำได้เท่านี้ หยาดน้ำตาอุ่นที่อยู่ๆก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวจนทำให้ผมต้องรีบปาดมันออก
“ซี้ดดด...กากาแก้มัดหน่อยครับ” คำขอของบอสที่ดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้วเขาดูทรมารมากที่ไม่ได้สัมผัสผม
“อือ...ฮึก...อึก..อื้อ” ผมไม่ได้แก้มัดออกเสียงครางที่ปนเสียงกลั้นสะอื้นนั้นทำให้ผมไม่อยากแก้มัดเขาออก รออีกนิด รอผมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้หมดก่อนได้มั้ยแล้วผมจะแก้มัดคุณออก
“นายร้องไห้หรอ กากา” เหมือนคนใต้ร่างจะจับเสียงสะอื้นผมได้ถึงได้หยุดชะงักกิจกรรมทุกอย่างแล้วถามผม
“อย่าหยุด...อื้อ.ป..เปล่า..อึก..ร้อง..อือ” จึงกลายเป็นผมที่ขยับแทน น้ำตาที่บัดนี้แห้งเหือดไปหมดแล้วเหลือเพียงตาที่ยังคงแดงอยู่นิดๆ
“ช่วยแก้มัดฉันทีได้มั้ย ฉันอยากสัมผัสนายจนทนไม่ไหวแล้ว” เสียงขอร้องแหบพร่านั้นทำผมใจอ่อนยวบทันที
“ข..ขยับ...อ่า..ก่อน” ผมขยับขึ้นลงไปมาอย่างช้าๆรอคนใต้ร่างขยับสวนขึ้นมาแต่ว่าคนใต้ร่างก็ยังไม่ขยับเลยซักนิด
“อ๊า...นยอง...อื้อ..อืม” ทันทีที่บอสสวนสะโพกขึ้นมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาผมถึงกับครางเสียงหลงก่อนจะก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากแย่งอากาศหายใจแลกลิ้นดูดดุนจนเกิดเสียง มือของผมค่อยๆเอือมไปแก้มมัดข้อมือที่อยู่บนหัวเตียงและปลดพันธนาการนั้นออก
“อ๊ะ...อ๊ะ..อ๊า..นยอง..อึก...นยอง” ทันทีที่ผมแก้มัดออกบอสก็จับผมพลิกให้อยู่ใต้ร่างของเขาทั้งๆที่เรายังคงเชื่อมต่อกันอยู่ บอสเร่งจังหวะการขยับเข้าออกให้เร็วขึ้นและรัวขึ้นกว่าที่ผมทำมากนัก แรงกระแทกที่ลงมาแต่ละครั้งมันหนักหน่วงเน้นย้ำเหมือนต้องการเตือนว่าร่างกายนี้เป็นของเขา ร่างกายที่บิดเร่าเพราะทนความเสียวไม่ไหว ความต้องการที่มีต่อคนตรงหน้ามากขึ้นจนทำให้ผมต้องเด้งสะโพกรับแรงกระแทกทุกครั้งที่คนข้างบนกระแทกมาอย่างไม่ยั้ง ความต้องการที่ทำให้ผมต้องเกร็งจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของอีกคนเป็นทางยาว บอสคงจะเจ็บน่าดูเลย ผมเอือมมือไปปลดผ้าที่ปิดตาของบอสออกทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ให้บอสมองตัวเองเพราะกลัวว่าจะแสดงอะไรออกไปให้บอสรู้สึกลำบากใจกลัวจะเอาแต่ใจตัวเองรั้งเขาไม่ให้แต่งงานแต่กลับเป็นตัวเองที่ห้ามใจไว้ไม่ได้เพราะอยากเห็นหน้าของคนที่รักชัดๆเต็มสองตา
แรงกระแทกที่หนักหน่วงโหมกระหน่ำซัดเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน บอสยังส่งแรงมาไม่ได้ลดละลงไปเลยความเสียวซ่านที่แผ่ไปทั่วร่างกายแต่ไม่รู้จะปลดปล่อยยังไงได้แต่เด้งสะโพกรับเท่านั้นผมคิดว่าตื่นมาอีกทีผมต้องปวดสะโพกแน่ๆเลย
“อ๊า...นยอง” ธารน้ำขาวขุ่นอัดฉีดเข้ามาข้างในตัวผมเต็มๆความรู้สึกที่อุ่นวาบข้างในและน้ำที่ไหลย้อยออกมาตามเรียวขาผมรู้สึกเหนอะหนะช่องทางคับแคบนั่นจึงพยายามที่จะดึงตัวออกจากบอสแล้วลุกหวังว่าจะไปทำความสะอาดร่างกาย แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นเลยบอสกับดึงผมเข้าหาตัวแล้วนอนราบลงไปกับพื้นเตียง
“วันนี้กาการ้อนแรงนะ รอบเดียวคงไม่ดีหรอกใช่มั้ย” รอยยิ้มร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าของบอสทันทีที่พูดนั้นผมรู้ได้ในทันทีว่ามันคงไม่จบแค่นี้แน่นอน


“อ๊า..เบา...นยอง...กา..กา..ส..เสียว”

.....................................................

“ขับรถกลับดีๆนะครับบอส” ผมหันหน้าไปลาบอสแล้วจูบเบาๆลงบนริมฝีปากหนานิดนึงก่อนจะลงจากรถไป รถของบอสแล่นออกไปจนลับสายตาแล้วแต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ผมแค่อยากมองให้มั่นใจว่าเขายังปลอดภัยดีตอนที่อยู่ในสายตาผมหรือไม่อยู่ในสายตาผม ผมยืนอยู่ตรงนั้นได้ซักพักและคิดว่าผมควรจะขึ้นห้องได้แล้วรู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทุกส่วน ร่างกายผมต้องได้รับการพักผ่อน
“พี่แจ็คสัน” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทันทีที่ผมเดินมาถึงห้องของตัวเอง เด็กยักษ์มาทำอะไรที่นี้นะ
“ผมคิดถึงพี่จัง” ว่าแล้วร่างสูงก็เข้ามาสวมกอดผมทันทีจมูกโงที่ซุกอยู่ที่ซอกคอสูดดมกลิ่นของผมมันทำให้ผมเคลิ้มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แล้วทุกอย่างก็ดับไป
“พี่แจ็คสัน...พี่เป็นอะไรน่ะ”
“เห้ พี่หลับหรอเนี่ย บ้าจริง”

R R R R R R R
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้ผมต้องตื่นขึ้นมารับสายมันก่อนที่มันจะรบกวนคนที่นอนกอดผม
“สวัสดีครับ” ผมหันหน้าซุกอกพลางส่ายหัวไปมาอ้อนคนตัวสูง
/เอ่อ..นี่ใช่ญาติคุณปาร์ค จินยองมั้ยคะ ดิฉันโทรมาจากโรงพยาบาลแทวา/ ทันทีที่ผมได้ยินคำว่าโรงพยาบาลผมก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นมาเลยทันที
“ใช่ครับ...ม..มีอะไรรึเปล่า” เสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นตอบกลับพยาบาลผมรู้สึกว่าเหมือนมันจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
/ตอนนี้คุณปาร์ค จินยองประสบอุบัติเหตุอยู่ที่โรงพยาบาลต้องได้รับการผ่าตัด คุณช่วยเซ็นยินยอมการผ่าตัดด้วยค่ะ/ ทันทีที่พยาบาลพูดจบผมรู้สึกร่างกายไม่มีแรงขึ้นมาเลยทันที มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ ทำไม
ผมกดตัดสายทิ้งแล้วรีบออกจากห้องไปหาบอสที่โรงพยาบาลทันที
ภาพที่ผมเห็นนั้นทำเอาผมเข่าอ่อนแทบรุดลงไปกองกับพื้นภาพที่บอสกำลังคลำหาแก้วน้ำที่อยู่ใกล้มือเขามากๆแต่เขากลับหามันไม่เจอผ้าขาวที่ปิดตาเขาทั้งสองข้างนั้นทำให้เขามองไม่เห็นมันใช่มั้ย
เพล้ง!
“อ่า บ้าจริง” เสียงแก้วน้ำที่บอสเผลอปัดลงมาแตกละเอียด บอสกำลังก้มลงไปเหมือนจะเก็บเศษแก้วที่ตัวเองทำหล่น ผมรีบเดินเข้าไปจับมือนั้นไว้ก่อนที่บอสจะเก็บเศษแก้วที่แตกละเอียดทั้งๆที่มองไม่เห็น
“แจ็คสัน?” ผมจูบลงบนมือของบอสอย่างแผ่วเบา หวง ผมหวงมือคู่นี้เหลือเกิน
“บอสไปนั่งก่อนนะเดี๋ยวผมเก็บเอง” ผมจัดการเก็บเศษแก้วที่แตกละเอียดที่พื้นก่อนจะเดินมานั่งข้างบอสและพยายามซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นทันที
“แจ็ค...สัน” เสียงที่ขาดห้วงกับหยดน้ำตาที่หยดลงข้างแก้มผมทำให้รู้ว่าอีกคนกำลังร้องไห้ ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นทันทีที่อีกคนเริ่มจะสะอื้นถึงจะไม่แรงมากนักแต่ก็เห็นได้ยากที่บอสจะร้องไห้แบบนี้
“ทุกคน...ทิ้งฉัน..ไป..หมด เพียงเพราะว่าฉันตาบอด” ทั้งๆที่ร้องไห้แต่บอสก็ยังพยายามที่จะพูดมันออกมามันยิ่งทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดบอสไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
“นายจะเหมือนพวกเขามั้ย?” ผมเพิ่มแรงกอดที่กอดบอสจนคิดว่าบอสอาจจะขาดอากาศหายใจได้แต่ผมแค่อยากทำให้บอสมั่นใจว่าผมจะไม่ทิ้งเขาไป
“ผมรักคุณจินยอง ผมอยู่ตรงนี้...ข้างคุณ” แรงกอดรัดที่เพิ่มมากขึ้นทันทีที่ผมพูดจบบอสกอดผมไม่ยอมปล่อยเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป ความรู้สึกแฉะบริเวณที่หัวไหล่ทำให้รู้ว่าบอสกำลังร้องไห้อีกครั้ง

ผมขอโทษ จินยอง

ของของผมยังไงมันก็ต้องเป็นของผม

และคุณเป็นของผม ปาร์ค จินยอง






“พี่แจ็คสันไปไหนมาอ่ะ...รู้มั้ยว่าผมตกใจมาแค่ไหนที่ตื่นมาไม่เจอพี่นอนอยู่น่ะ” ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าห้องไปก็เจอกับเด็กยักษ์ยูคยอมที่พอเห็นผมก็เริ่มบ่น บ่น บ่น แต่ว่านะผมอารมณ์ดีมากเลยไม่ได้แต่ยิ้มตอบกลับไปให้เด็กยักษ์แทนก่อนจะเดินเข้าไปนั่งคร่อมตักเด็กยักษ์ไว้พร้อมกับมอบจูบให้เป็นรางวัลที่เด็กยักษ์นี่ทำงานสำเร็จ
“ขอบคุณนะ ยูคยอมอ่า” ว่าแลวผมก็โน้มตัวลงไปประกบปากคนตัวโตอีกครั้งอย่างดูดดื่ม แล้วค่อยๆถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เด็กยักษ์ได้เพียงแต่ยิ้มรับกับคำขอบคุณของผมเท่านั้น
“ขอเพียงแค่พี่ต้องการผม ผมยอมพี่ได้ทุกอย่าง” ร่างหนาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเริ่มสอดมือเข้ามาใต้เสื้อของผมแล้วค่อยๆบีบขยี้ตุ่มไตบนยอดอกของผม ทำให้ผมต้องแอ่นอกรับสัมผัสที่วาบหวิวนั้นทันที
“อื้อ...ยูคยอมอ่า” เพราะความเสียวที่แล่นเข้ามาทำให้ผมถึงกลับครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เธอเป็นของพี่นะยูคยอม” ผมบอกทั้งๆที่สะโพกของผมกำลังถูไถไปกับแกนกายใหญ่ด้านล่างอยู่



“อ๊ะ...ร..เร็ว..อีก..ยูค..อ๊า” นี่เป็นแค่รางวัลเล็กน้อยๆกับงานชิ้นนี้ ผมต้องขอบคุณเขาที่ทำเพื่อผมมากมายขอบคุณที่ทำให้บอสเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ขอบคุณที่ยอมผมทุกอย่าง





ถ้าเรื่องที่บอสตาบอดไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ



ถ้าเรื่องอุบัติเหตุเป็นเพียงแค่การจัดฉากล่ะ



ผมบอกแล้วไงว่าของของผมยังไงก็ต้องเป็นของของผม




END.